xs
xsm
sm
md
lg

ดีเอสไอสอบครู-ปชช.นาด้วง ถูกบริษัทท่องเที่ยวหลอกขายทัวร์เกาหลีหมื่นเศษ/หัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เลย - ดีเอสไอเรียกสอบปากคำกลุ่มครูและประชาชนในอำเภอนาด้วง หลังร้องเรียนถูก “บริษัท จีแพทจินั่ม เน็ตเวิร์ค” หลอกไปเกาหลี จ่ายค่าทัวร์เพียง 10,800 บาท/หัว แต่เลื่อนแล้วเลื่อนอีกถึง 5 ครั้ง ท้ายสุดกลับได้แต่สินค้าที่ระลึกเป็นโสมเกาหลี กาแฟผงมูลค่าเท่าค่าทัวร์ดูต่างหน้า คาด พ.ค.54 ส่งฟ้องศาลได้โดยผู้เสียหายกระจายอยู่ทั่วประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 มี.ค.) ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดเลย ประชาชน และครูเมืองเลยกว่า 20 คนได้เข้าให้ปากคำกับ ดีเอสไอ หลังร้องเรียนถูกหลอกไปเที่ยวเกาหลี แต่กลับไม่ได้เดินทาง ได้เพียงสินค้ามาเป็นที่ระลึกไว้ดูต่างหน้า

นางวรวรรณ โสระสิงห์ เลขที่ 209 หมู่ 6 ต.นาด้วง อ.นาด้วง จ.เลย ครูโรงเรียนดังในอำเภอนาด้วง เปิดเผยว่า ตนเป็นกลุ่ม ผู้เสียหายกรณีบริษัท จีแพทจินั่ม เน็ตเวิร์ค โดยนางสาว ภัคณอร พรพลังชญาเอก หรือ ธัญวีกร สุวรรณจิระโภคิน และ นางสาวการศศิ โชคอนันตกาล หุ้นส่วนผู้จัดการ ได้หาลูกค้าเพื่อเดินทางท่องเที่ยวที่ประเทศเกาหลี ชมโรงงานและบริษัทที่เกาหลี กรุ๊ปแรก คือ ระหว่างวันที่ 18-21 ต.ค.2553 และเลื่อนมาแล้ว 5 ครั้ง สิ่งที่ได้ตอบแทนคือโสมเกาหลี กาแฟผงใบเสร็จมูลค่าสินค้าจำนวน 10,800 บาท

แต่ไม่เคยได้เดินทางไปท่องเที่ยวและดูงานที่ประเทศเกาหลี บริษัทอ้างว่า หัวหน้าสายแต่ละจังหวัดจัดโปรโมชั่นกันเอง บริษัทไม่รับรู้ ซึ่งลูกค้าหรือผู้เสียหายของบริษัทดังกล่าวนี้ คือ กลุ่มครู ที่มีการเชิญชวนกันตามโรงเรียนต่างๆ และเป็นเพื่อนครูด้วยกัน ครูที่ จ.เลย ตัดสินใจไม่เดินทางไปแล้ว แต่ขอเพียงเงินคืนเท่านั้นเพราะจ่ายให้ไปเป็นเงินสด 10,800 จำนวน 1,600 คน และไม่อยากให้ประชาชนรายอื่นต้องหลงเชื่อถูกหลอกอีก

ด้าน นายนิรันดร ไชยศรี พนักงานสอบสวนชำนาญการ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า คดีนี้มีความคืบหน้าไปแล้ว 80% ขณะนี้อยู่ระหว่างเก็บตกผู้เสียหายที่กระจายอยู่หลายจังหวัด เพื่อพิทักษ์สิทธิ ที่ยังไม่ร้องทุกข์ทั้งการเรียกร้องเงินคืนทางแพ่งและให้เอาผิดทางอาญา ดีเอสไอ ต้องออกมาสร้างความเป็นธรรม ซึ่งผู้ต้องหาและแม่ข่ายบางคนที่อาจมีเพิ่มตามที่พยานหลักฐานโยงไปถึงนั้น มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งอยู่ในประเทศไทย และเนื่องจากว่าผู้บริหารและลูกข่ายต่างโยนความผิดให้กันและกัน จึงปล่อยให้เขาสู้กันอย่างยุติธรรมไปก่อน

โดยความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านจะต้องมีคนรับผิดชอบต้องรับโทษ เพราะเป็นคดีเงินนอกระบบ หากปล่อยให้เกิดคดีอย่างนี้จะเดือดร้อน ผู้ประกอบการเช่นนี้มีข้อกล่าว ว่าคือ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนที่เรียกกันว่า “แชร์ลูกโซ่” พนักงานสอบสวนก็รวบรวมพยานหลักฐานส่งให้ศาลเป็นผู้พิพากษาความผิดตามกฎหมาย

คาดว่า ราวเดือนพฤษภาคม 2554 นี้ จะสามารถรวบรวมส่งฟ้องศาลได้ แต่การพิจารณาของศาลก็อยู่ในดุลพินิจของศาลเนื่องจากผู้เสียหายมีจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วประเทศไทย จึงขอประชาสัมพันธ์ว่าผู้ใดยังไม่ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนก็สามารถพิทักษ์สิทธิ์ได้เมื่อศาลพิพากษายังไม่เด็ดขาดหรือไปเข้าชื่อผู้เสียหาย ได้ที่กลุ่มป้องปราบการเงินนอกระบบกระทรวงการคลังภายหลังได้
กำลังโหลดความคิดเห็น