ที่ปรึกษาสหกรณ์ไข่แปดริ้วติงสื่อ อย่าปั่นกระแสไข่หาย

ฉะเชิงเทรา - ที่ปรึกษาสหกรณ์ไข่ไก่ต้นแบบ แห่งแรกของประเทศ ติงสื่ออย่าปั่นกระแสไข่ขาดแคลนหายจากตลาด ยันคนไทยยังมีไข่บริโภคได้อย่างถ้วนหน้า เผย มีไข่ออกขายจากฟาร์มทุกวันไม่มีหมด ส่วนปัญหาเรื่องโรคระบาดส่งผลกระทบบ้างเพียงบางส่วนเท่านั้น

นายสันติ วิโรจน์บริสุทธิ์ เจ้าของฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ ส.สิริฟาร์ม ต.คลองประเวศ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ที่ปรึกษาสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ต้นแบบแห่งแรกของประเทศไทย กล่าวว่า จากกระแสข่าวปัญหาเรื่องไข่ไก่ขาดแคลนจากท้องตลาด ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อบางแขนง จนทำให้มีผู้คน พ่อค้า แม่ค้า ต้องไปเข้าแถวรอรับซื้อไข่มาจำหน่ายต่อจากบริเวณหน้าฟาร์มในบางจังหวัดนั้น

ตนขอยืนยันว่า ไข่ไก่ในประเทศไทยนั้น มีปริมาณมากเพียงพอต่อคนไทยที่จะบริโภคได้อย่างแน่นอน เนื่องจากไก่ไข่นั้นต้องไข่ออกมาทุกวัน จึงไม่สามารถที่จะทำการกักตุนได้เหมือนน้ำมันปาล์ม เพราะเมื่อไก่ไข่ออกมาแล้วก็ต้องขายออกไป จึงขอแนะนำผู้ปริโภคว่าไม่ต้องตื่นตระหนก หรือพากันซื้อไปกักตุนไว้เป็นจำนวนมาก โดยซื้อแต่พอดีตามปกติจะดีกว่าการซื้อไปกักตุน เพราะการกักตุนไข่ไว้เป็นเวลานานๆ นั้น ก็จะทำให้น้ำหนักขาดหาย หรือปริมาณของเนื้อไข่ไก่ลดลงด้วย

ส่วนปัญหาเรื่องโรคระบาดนิวคาสเซิลนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อฟาร์มเลี้ยงไก่บ้างเช่นกัน แต่เป็นผลกระทบเฉพาะราย หรือในแต่ละฟาร์มนั้น ไก่จะป่วยเป็นโรคนี้มากน้อยไม่เท่ากันโดยฟาร์มที่เป็นโรคนี้มาก ก็จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรง จนไม่มีผลผลิตไข่ออกมาขาย

ส่วนฟาร์มที่ไม่เป็นโรคนี้เลยก็สามารถผลิตไข่ออกมาขายได้อย่างเต็มที่ ตามปริมาณการผลิต โดยรายที่ประสบปัญหาก็อาจต้องพักฟาร์มไป 5-6 เดือน เพื่อรอไก่ฝูงใหม่เข้ามาและขณะนี้ก็ได้มีการแก้ไขปัญหาในเรื่องของพันธุ์ไก่ไข่แล้ว ที่ให้มีการนำเข้าพันธุ์ไก่ไข่ได้อย่างเสรีมากขึ้น จึงไม่น่าวิตกอะไร

โดยขณะนี้ในภาพรวมนั้น ในท้องตลาดมีปริมาณไข่ไก่ลดลงไปจริง แต่ก็เป็นเพียงประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่ถือว่าขาดแคลน เนื่องจากปกติปริมาณการผลิตไข่ไก่ทั้งประเทศ ก็มักจะล้นตลาดอยู่แล้ว นอกจากนี้ ที่ฟาร์มของตนยังได้ใช้วิธีการเฉลี่ยไข่ไก่ให้แก่พ่อค้า ที่มารับซื้อนำไปจำหน่ายในแต่ละราย

โดยรายที่เคยได้รับไปจำหน่ายวันละ 100 ตั้ง ก็จะเฉลี่ยให้ไป 70 ตั้ง ซึ่งก็ยังเพียงพอต่อการจำหน่ายในแต่ละวันได้ เนื่องจากที่ผ่านมานั้น พ่อค้ามักจะรับไปเกินปริมาณการจำหน่ายในแต่ละวันอยู่แล้ว เช่น รับไป 100 ตั้ง ก็จะเหลือเป็นสต๊อกเก็บไว้เองอยู่อีกประมาณ 30 ตั้ง ขณะนี้จึงยังไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อผู้บริโภค และในตลาดก็ยังมีพ่อค้าขายไข่อยู่เป็นจำนวนมาก