xs
xsm
sm
md
lg

เชียงใหม่ร่วมมือนักวิชาการ วางนโยบายแก้ไฟป่า-หมอกควัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เชียงใหม่เผยแผนแก้ปัญหาไฟป่า-หมอกควัน ตั้ง 4 ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อน วางเป้าคุมค่าดัชนีอากาศ-ฝุ่นละอองไม่เกินมาตรฐาน พร้อมขอชาวบ้านงดเผา 3 อาทิตย์ก่อนสงกรานต์ ด้านนักวิชาการ มช.เสนอผลงานวิจัย ระบุ ภาพถ่ายดาวเทียม ชี้ไฟป่า-Hotspot เกิดที่เดิมๆ เน้นทางเหนือ-ใต้ของเมือง แนะใช้ประโยชน์จากข้อมูลเป็นแนวทางแก้ปัญหาให้เหมาะกับแต่ละพื้นที่

วันนี้ (10 มี.ค.) หม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในการแถลงข่าวการขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาหมอกควันในจังหวัดเชียงใหม่ ณ ห้องพะยอม โรงแรมอมารี รินคำ เชียงใหม่

การแถลงข่าวดังกล่าวเป็นการนำเสนอความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่างจังหวัดเชียงใหม่ และโครงการศึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควัน ของแผนงานเสริมสร้างนโยบายสาธารณะที่ดี (นสธ.) ซึ่งมีศาสตราจารย์ ดร.มิ่งสรรพ์ ขาวสะอาด จากสถาบันศึกษานโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นผู้อำนวยการแผนงาน นสธ.

ในการนำเสนอ นายบรรพต คันธเสน ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงการดำเนินงานของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควัน ว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจ และคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาว ไฟป่า หมอกควัน และภัยแล้ง ประจำปี 2554 และประกาศให้ปัญหาไฟป่าและหมอกควันเป็นวาระจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งมีการดำเนินการในรูปแบบอื่นๆ อีกหลายประการ ภายใต้แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ที่ตั้งไว้ 4 ยุทธศาสตร์หลัก

ได้แก่ 1.การควบคุมการเผาในพื้นที่ชุมชนและเกษตรกรรม 2.การควบคุมไฟป่า 3.การรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่องค์ความรู้ในการมีส่วนร่วมและการเฝ้าระวังป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน และ 4.ส่งเสริมและสนับสนุนเทคโนโลยีทางเลือกทดแทนการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม

ขณะเดียวกัน ยังมีการประสานไปยังอำเภอต่างๆ ให้มีการติดตามเฝ้าระวังในพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงที่เคยเกิดสถานการณ์ปัญหาหมอกควันเป็นจำนวนมาก รวมทั้งขอความร่วมมือจากประชาชนให้ละเว้น หรือหลีกเลี่ยงการเผาในช่วง 3 สัปดาห์ก่อนเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งหากสามารถควบคุมได้ก็จะเป็นปีแรกในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2550 ที่จะไม่เกิดปัญหาหมอกควันในจังหวัดเชียงใหม่

ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศุทธินี ดนตรี หัวหน้าโครงการจัดทำแผนที่เชิงประจักษ์ของพื้นที่เผา เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันกล่าวว่า ในการศึกษาข้อมูลที่ได้จากภาพถ่ายดาวเทียมสำรวจทรัพยากร Landsat 5 จากสำนักเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ในช่วงปี 2550 และปี 2553 พบว่าจะมีการเกิดไฟป่าหรือพบ Hotspot ในพื้นที่เดิมเป็นส่วนใหญ่

ทั้งนี้ จะเกิดในพื้นที่ด้านเหนือและด้านใต้ของจังหวัด ในเขตอำเภอแม่แจ่ม เชียงดาว อมก๋อย ฮอด ดอยเต่า และ จอมทอง ขณะที่พื้นที่ที่พบการเกิดไฟป่าหรือพบ Hotspot มักอยู่ในพื้นที่เนินหรือที่สูง เป็นพื้นที่ป่าสงวนหรืออุทยานเป็นส่วนใหญ่ และหากมีการใช้ประโยชน์ในที่ดิน จะเป็นการใช้เพื่อเพาะปลูกพืชไร่มากที่สุด

การสำรวจข้อมูลดังกล่าว ดำเนินการผ่านโครงการวิจัยเรื่อง “การจัดลำดับความสำคัญของพื้นที่เผาจากชข้อมูลเชิงพื้นที่หลายแห่ง เพื่อการเฝ้าระวังและการป้องกันการเผาในที่โล่งในจังหวัดเชียงใหม่” มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอข้อมูลเชิงประจักษ์และข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับการเกิดหมอกควัน ผ่านรูปแบบของแผนที่หรือข้อมูลเชิงพื้นที่ เพื่อเป็นข้อมูลให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ใช้ในการพิจารณาปัญหาร่วมกัน รวมทั้งสามารถนำมาตรวจาสอบสถานการณ์ในภายหลังได้

ศ.ดร.ศุทธินี กล่าวว่า ในภาพรวมแล้ว การเกิดไฟป่า และพบ Hotspot ในจังหวัดเชียงใหม่นั้นมีรูปแบบ ตำแหน่งการเกิดและระยะเวลาที่ใกล้เคียงกันในหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งหากมีการานำข้อมูลแผนที่มาใช้ประกอบการตัดสินใจ จะสามารถช่วยให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถจัดลำดับความสำคัญ หรือเลือกพื้นที่ในการเฝ้าระวังหรือแก้ไขปัญหาได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยดูจากสถิติและแผนที่เป็นตัวประกอบ

อีกทั้งข้อมูลดังกล่าวยังมีส่วนช่วยในการวางแผนการจัดการแก้ไขปัญหาให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่อีกด้วย เนื่องจากพื้นที่แต่ละส่วนของจังหวัดจะมีรายละเอียดทั้งสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ความเป็นอยู่ และการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่แตกต่างกันในแต่ละแห่ง


กำลังโหลดความคิดเห็น