สธ.เชียงใหม่เตรียมรับมือปัญหาหมอกควัน เร่ง อสม.รณรงค์งดเผา-สำรองหน้ากากอนามัย

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สาธารณสุขเชียงใหม่ เตรียมสำรองหน้ากากอนามัย พร้อมเร่งอสม.รณรงค์งดเผายาวถึงหลังสงกรานต์ หลังคาดปัญหาหมอกควัน-ฝุ่นละอองปีนี้ มีมากกว่าเดิม แถมแผนสำรองอพยพคนกรณีอากาศเลวร้ายหนัก ด้านสภาพอากาศเมืองเชียงใหม่ตัวเลขขยับใกล้ระดับเริ่มกระทบสุขภาพแล้ว

ดร.ทพ.สุรสิงห์ วิศรุตรัตน รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงการเตรียมการรับมือกับปัญหาหมอกควันของจังหวัดเชียงใหม่ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ว่า ได้มีการมอบนโยบายให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในสองส่วน ได้แก่ การให้โรงพยาบาลที่อยู่ในความรับผิดชอบจัดเตรียมหน้ากากอนามัยเอาไว้สำหรับแจกจ่ายให้แก่ประชาชน หากสภาพอากาศแย่ลงหรือมีการระบาดของโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

ขณะเดียวกัน จะเร่งประชาสัมพันธ์และประกาศเตือนเรื่องงดการเผาในพื้นที่โล่งแจ้ง โดยจะขอความร่วมมือจากประชาชนให้หลีกเลี่ยง หรือละเว้นการเผาตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ โดยจะอาศัยการเผยแพร่ข้อมูลผ่านทางอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)

รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวต่อไปว่า คาดว่า ในปีนี้ปัญหาเรื่องฝุ่นละอองจะมีมากกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้งที่ยาวนานกว่าเดิม ประกอบกับปริมาณฝนที่มีไม่มาก สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่จึงมีการเตรียมการหากสภาพอากาศเลวร้ายหนัก ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเสี่ยง หรือมีปัญหาเกี่ยวกับโรคระบบทางเดินหายใจอยู่แล้ว ในกรณีที่สภาพหมอกควันและฝุ่นละอองสูงจนอยู่ในระดับอันตรายติดต่อกันเกิน 3 วัน ซึ่งในเบื้องต้นอาจจะย้ายผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงออกจากพื้นที่ชั่วคราวระยะหนึ่ง หรือย้ายไปอยู่ในพื้นที่ที่มีการกรองอากาศอย่างเช่นในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น

สำหรับสถานการณ์ปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รายงานข่าวแจ้งว่า มีแนวโน้มที่จะยกระดับเพิ่มมากขึ้น สังเกตได้จากสภาพหมอกควันที่เริ่มปกคลุมทั่วตัวเมืองหนาขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา

ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ ระบุว่า วานนี้ (8 มี.ค.) ที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ในตัวเมืองเชียงใหม่ วัดค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 ได้ 109.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าเพิ่มสูงขึ้นใกล้ค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ที่เป็นจุดที่จะเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

ขณะที่ ข้อมูลจากรายงานของส่วนควบคุมไฟป่า สำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่าได้ พบว่า มีจุด Hotspot ที่เกิดจากการเผาป่าในจังหวัดเชียงใหม่มากที่สุดในภาคเหนือ โดยวันที่ 8 มี.ค.54 มีการเผาถึง 88 ครั้ง โดยเป็นการเผาในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 42 ครั้ง ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 42 ครั้ง และพื้นที่การเกษตร อีก 4 ครั้ง ซึ่งการเผาป่านั้นอยู่ในพื้นที่ อ.แม่แจ่ม อ.แม่อายและ อ.ไชยปราการ