พิษณุโลก “จุติ-ไอซีที” แจงประชาธิปัตย์ ติดล่มโกงกินตามโพล ขึ้นอยู่กับการรับรู้ของประชาชน ยันไม่หนักใจมีชื่อติด 1 ใน 10 ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ-ถอดถอน ยันทีวี-สีฟ้า ปชป. เป็นแค่แนวคิด ยังไร้รูปแบบ
วันนี้ (28 ก.พ.54) นายจุติ ไกรกฤษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) ได้เดินทางมาร่วมพิธียกเสาเอกอาคารใหม่ศูนย์ไปรษณีย์พิษณุโลก โดยมีนายปรีชา เรืองจันทร์ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก และ น.ส.อนุสรา จิตต์มิตรภาพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด(ปณท.)พร้อมพนักงานไปรษณีย์พิษณุโลกให้การต้อนรับร่วม 200 คน
นายจุติ กล่าวว่า อาคารศูนย์ไปรษณีย์พิษณุโลก แห่งใหม่ เป็น 1 ใน 12 แห่งของภูมิภาค ตั้งอยู่ถนนเลี่ยงเมือง ต.ดอนทอง มีพื้นที่ 14 ไร่ ใช้เงินลงทุน 65 ล้านบาท พร้อมเปิดใช้งาน มกราคม 55 เพื่อรองรับภารกิจคัดแยกและส่งต่อจดหมายด้วยระบบลอจิสติกส์ครบวงจร ถือว่าพิษณุโลกจะได้รับประโยชน์ เพราะยังรองรับการพักและขนถ่ายสินค้าจากภาคใต้สู่ภาคเหนือ รวมไปถึงสินค้าเกษตรในอนาคตอีกด้วย ปัจจุบันธุรกิจขนส่งสินค้าต่างชาติรุกงานหนัก ต่อไปจะต้องแก้ พ.ร.บ.ไปรษณีย์ เพื่อต่อสู้กับบริษัทข้ามชาติ และทดแทนบริษัท รสพ.ที่ปิดตัวลง
รมว.ไอซีที ยังได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว กรณีพรรคฝ่ายค้านจะซักฟอกตนเอง ว่า ไม่รู้สึกหนักใจเพราะว่าการตรวจสอบการทำงาน ก็ต้องเป็นหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้าน ตนเองก็จะเป็นฝ่ายชี้แจงในสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งตนเองเชื่อมั่นว่า สิ่งที่ตนเองทำนั้นเป็นการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ก็พร้อมที่จะให้ตรวจสอบอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า กรณีโพลสวนดุสิตที่ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์มีปัญหาในเรื่องการโกงกินประเทศนั้น รมว.จุติ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการรับรู้ของประชาชน หากประชาชนได้รับฟังข้อชี้แจงก็จะเข้าใจเอง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่พรรคฝ่ายค้านจะมีสิทธิ์ตรวจสอบ ก็ถือว่าเป็นการกล่าวหาด้านเดียว ซึ่งอยากให้ประชาชนได้ฟังการถ่ายทอดสดในการอภิปรายครั้งนี้ เพื่อความเข้าใจในข้อเท็จจริงและเชื่อว่าหากเกิดสิ่งผิดปกติของการอภิปรายครั้งนี้ทางนายกรัฐมนตรี ก็จะหาแนวทางการแก้ไขอยู่แล้ว ส่วนจะยุบสภาเลยหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี
กรณีโครงการตั้งโทรทัศน์สีฟ้า หรือ โทรทัศน์ของพรรคประชาธิปัตย์ว่า โครงการนี้เป็นเรื่องอนาคตที่ยังไม่เกิด ขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค ซึ่งตนเองไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบ ถึงแม้ว่าโทรทัศน์ของช่องดังกล่าวจะเกิดขึ้นจริงก็ตาม ตนเองก็ไม่ทราบว่าจะอยู่ในความควบคุมดูแลของใคร จะต้องรอให้เกิดขึ้นก่อน ตอนนี้ก็เป็นแค่แนวคิด แต่ยังไม่อะไรเป็นรูปธรรม
“นายกฯ สั่งการให้ใครดูแลเรื่องทีวีนั้น คงไม่ใช่ผมแน่”