พะเยา - ที่ดินรอบ ม.พะเยา พุ่งไม่หยุดทั้งโฉนดและที่ป่าถูกซื้อขายเปลี่ยนมือกันเป็นว่าเล่น ขณะที่ชุมชนในพื้นที่ผวาป่าชุมชนถูกฮุบ ลงทุนใช้ จีพีเอส.วัดแนวเขต ก่อนทำเรื่องเสนอจังหวัดขอทำเป็นป่าชุมชนเฉลิมพระเกียรติ “ในหลวง” เผยเคยกันพื้นที่ไว้ 300 กว่าไร่ วันเหลือถูกฮุบแล้ว 1 ใน 3
วันนี้ (28 ก.พ.54) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจพื้นที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยบริเวณมหาวิทยาลัยพะเยา(มพ.) ต.แม่กา อ.เมือง จ.พะเยา พบว่ามีราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ดินที่มีโฉนด- ส.ป.ก.หรือแม้แต่ที่ป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ต๋ำ ด้านทิศเหนือของมหาวิทยาลัย ก็ถูกบุกรุกอย่างต่อเนื่อง
นางอิสรีย์ งามจิตต์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 17 ต.แม่กา อ.เมืองพะเยา กล่าวว่า เนื่องจากเป็นพื้นที่โดยรอบของเมืองมหาวิทยาลัย ทำให้ที่ดินมีราคาสูงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ประกอบกับขณะนี้ที่ดินเป็นที่ต้องการของกลุ่มทุนต่าง ๆ มากมายที่ต้องการนำไปปลูกยางพารา ซึ่งจะพบว่ามีคนลักลอบตัดไม้แผ้วถางป่าเพื่อขายให้กับนายทุนทั้งในและนอกพื้นที่ราคาไร่ละ 20,000-30,000 บาท บวกค่าจ้างแผ้วถางไร่ละ 3,000 บาท
โดยขณะนี้ถ้าเป็นที่ดิน ส.ป.ก. มีการขายกันราคาสูงถึง 50,000-60,000 บาท แต่หากเป็นโฉนดจะไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท โดยเฉพาะหน้า มพ.ที่มีโฉนด ราคาพุ่งขึ้นไปถึงไร่ละ 5-6 ล้านบาทแล้ว
นางอิสรีย์ บอกว่า ซึ่งผลจากที่ดินราคาแพงไม่หยุด ทำให้ป่าสงวนท้ายหมู่บ้านของหมู่ 17 และ หมู่ 4 ถูกบุกรุกทำลายอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อ 3 ปีก่อน ทั้งสองหมู่บ้านได้กันพื้นที่ป่าชุมชนไว้ประมาณ 300 ไร่ ตอนนี้เหลือเพียง 200 ไร่เท่านั้น บางส่วนถูกรุกทำสวนยางพารา บางส่วนถูกรุกตัดและแผ้วถาง เผา เพื่อให้นายทุนเข้ามาจับจอง
ล่าสุดทางคณะกรรมการหมู่บ้านในฐานะคณะกรรมการป่าชุมชนหมู่ 17 ได้ร่วมกันใช้จีพีเอส. เพื่อกันแนวเขตป่าชุมชน และเสนอเรื่องถึงจังหวัดเพื่อขอขึ้นทะเบียนป่าชุมชน และเตรียมทำเป็นป่าชุมชนเฉลิมพระเกียรติพระบาทนสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 84 พรรษาแล้ว เพื่อป้องกันพื้นที่หาของป่าให้กับประชาชนชาวแม่กาต่อไป
ด้านนายบุญช่วย หินแก้ว ที่ปรึกษาผู้ใหญ่บ้านหมู่ 17 ต.แม่กา กล่าวว่า ในภาพรวมที่ดินทำกินของประชาชนที่เป็นคนแม่กาจริง ๆ เหลือประมาณร้อยละ 50 เท่านั้น เพราะขายให้กับคนนอกพื้นที่ให้ราคาแพงกันหมด จะเหลือเฉพาะที่อยู่อาศัย ที่ยังเป็นของคนแม่กา คงไม่มีใครขายที่อยู่อาศัย หากขายแล้วคงจะหาที่อยู่ใหม่ลำบาก
ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงของป่าไม้จังหวัดพะเยา แจ้งว่า กลุ่มทุนที่เข้ามากว้านซื้อที่ดินบริเวณรอบ มพ. พบมีทั้งกลุ่มทุนที่เป็นข้าราชการ กลุ่มอาจารย์ในพื้นที่ รวมถึงกลุ่มทุนนักการเมืองระดับท้องถิ่น เนื่องจากเป็นพื้นที่ในเขตเมืองมหาวิทยาลัยที่กำลังเจริญเติบโต จึงส่งผลให้ป่าไม้ได้รับผลกระทบถูกบุกรุกตามมา
วันนี้ (28 ก.พ.54) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจพื้นที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยบริเวณมหาวิทยาลัยพะเยา(มพ.) ต.แม่กา อ.เมือง จ.พะเยา พบว่ามีราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ดินที่มีโฉนด- ส.ป.ก.หรือแม้แต่ที่ป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ต๋ำ ด้านทิศเหนือของมหาวิทยาลัย ก็ถูกบุกรุกอย่างต่อเนื่อง
นางอิสรีย์ งามจิตต์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 17 ต.แม่กา อ.เมืองพะเยา กล่าวว่า เนื่องจากเป็นพื้นที่โดยรอบของเมืองมหาวิทยาลัย ทำให้ที่ดินมีราคาสูงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ประกอบกับขณะนี้ที่ดินเป็นที่ต้องการของกลุ่มทุนต่าง ๆ มากมายที่ต้องการนำไปปลูกยางพารา ซึ่งจะพบว่ามีคนลักลอบตัดไม้แผ้วถางป่าเพื่อขายให้กับนายทุนทั้งในและนอกพื้นที่ราคาไร่ละ 20,000-30,000 บาท บวกค่าจ้างแผ้วถางไร่ละ 3,000 บาท
โดยขณะนี้ถ้าเป็นที่ดิน ส.ป.ก. มีการขายกันราคาสูงถึง 50,000-60,000 บาท แต่หากเป็นโฉนดจะไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท โดยเฉพาะหน้า มพ.ที่มีโฉนด ราคาพุ่งขึ้นไปถึงไร่ละ 5-6 ล้านบาทแล้ว
นางอิสรีย์ บอกว่า ซึ่งผลจากที่ดินราคาแพงไม่หยุด ทำให้ป่าสงวนท้ายหมู่บ้านของหมู่ 17 และ หมู่ 4 ถูกบุกรุกทำลายอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อ 3 ปีก่อน ทั้งสองหมู่บ้านได้กันพื้นที่ป่าชุมชนไว้ประมาณ 300 ไร่ ตอนนี้เหลือเพียง 200 ไร่เท่านั้น บางส่วนถูกรุกทำสวนยางพารา บางส่วนถูกรุกตัดและแผ้วถาง เผา เพื่อให้นายทุนเข้ามาจับจอง
ล่าสุดทางคณะกรรมการหมู่บ้านในฐานะคณะกรรมการป่าชุมชนหมู่ 17 ได้ร่วมกันใช้จีพีเอส. เพื่อกันแนวเขตป่าชุมชน และเสนอเรื่องถึงจังหวัดเพื่อขอขึ้นทะเบียนป่าชุมชน และเตรียมทำเป็นป่าชุมชนเฉลิมพระเกียรติพระบาทนสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 84 พรรษาแล้ว เพื่อป้องกันพื้นที่หาของป่าให้กับประชาชนชาวแม่กาต่อไป
ด้านนายบุญช่วย หินแก้ว ที่ปรึกษาผู้ใหญ่บ้านหมู่ 17 ต.แม่กา กล่าวว่า ในภาพรวมที่ดินทำกินของประชาชนที่เป็นคนแม่กาจริง ๆ เหลือประมาณร้อยละ 50 เท่านั้น เพราะขายให้กับคนนอกพื้นที่ให้ราคาแพงกันหมด จะเหลือเฉพาะที่อยู่อาศัย ที่ยังเป็นของคนแม่กา คงไม่มีใครขายที่อยู่อาศัย หากขายแล้วคงจะหาที่อยู่ใหม่ลำบาก
ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงของป่าไม้จังหวัดพะเยา แจ้งว่า กลุ่มทุนที่เข้ามากว้านซื้อที่ดินบริเวณรอบ มพ. พบมีทั้งกลุ่มทุนที่เป็นข้าราชการ กลุ่มอาจารย์ในพื้นที่ รวมถึงกลุ่มทุนนักการเมืองระดับท้องถิ่น เนื่องจากเป็นพื้นที่ในเขตเมืองมหาวิทยาลัยที่กำลังเจริญเติบโต จึงส่งผลให้ป่าไม้ได้รับผลกระทบถูกบุกรุกตามมา