อุบลราชธานี-ชาวบ้านเหยื่อแก๊งคนป่าไม้หลอกลวงทำงาน แต่เสียเงินค่านายหน้าก่อนรับเข้าทำงานคนละ 170,000-200,000 บาท วอน “สุวิทย์ ” เจ้ากระทรวงทรัพยากรฯ -นายกฯ ช่วยเหลือ ยันแม้ไม่ได้เงินคืนก็ขอให้ลูกได้ทำงานหาเงินมาไถ่ถอนที่นา-ที่บ้าน หลังนำกู้ยืม ก่อนถูกนายทุนยึดไป
วันนี้(26 ก.พ.) นายบุญล้อม กระก่ำ อายุ 46 ปี พร้อมชาวบ้านบ้านหนองสะโน ต.หนองสะโน อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี ซึ่งถูกหลอกให้ส่งลูกไปทำงานเป็นพนักงานสายตรวจปราบปรามการกระทำความผิดกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นำเอกสารการแจ้งความดำเนินคดีกับนายสุนทร หรือ ฐิติพันธ์ ไสยวงศ์ หน.สายตรวจปราบปรามการกระทำความผิดกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ที่ อ.สังคม จ.หนองคาย เข้าร้องเรียนกับนายสุชาติ ตันติวณิชชานนท์ ส.ส.เขต 3 จ.อุบลราชธานี พรรคเพื่อแผ่นดิน และผู้สื่อข่าว
โดยนายบุญล้อมเล่าเหตุการณ์ว่า เมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2553 มีอดีตเจ้าหน้าที่ป่าไม้ชื่อนายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งยง มาชักชวนให้ส่งลูกหลานคนในหมู่บ้านไปทำงานเป็นเจ้าหน้าที่สายตรวจ โดยจะมีรายได้เดือนละ 7,000 บาท และถ้าทำงานติดต่อกันนาน 5 ปี จะได้รับการบรรจุเข้าเป็นข้าราชการ แต่การฝากลูกหลานต้องเสียเงินให้หัวหน้าหน่วยคือนายสุนทร คนละ 170,000-200,000 บาท เมื่อชำระเงินให้ตามที่เรียกร้อง ก็ได้ส่งลูกของพวกตนไปประจำอยู่ตามหน่วยอนุรักษ์ป่าไม้ในเขตภาคอีสานหลายจังหวัด แต่คนทั้งหมดไม่ได้รับเงินเดือน
จนเวลาผ่านไปประมาณ 2 เดือน พวกตนคิดว่าถูกหลอกแน่นอน จึงบอกให้ลูกหลานกลับมาอยู่บ้าน และได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.บุณฑริก จึงทราบว่านอกจากพวกตนที่ถูกหลอกแล้ว ยังมีคนอื่นในอำเภอบุณฑริกถูกหลอกอีกกว่า 100 คน คิดเป็นเงินที่ต้องเสียให้กับพวกต้มตุ๋นเกือบ 20 ล้านบาท
จึงรวมตัวไปร้องเรียนกับนายสุชาติ ตันติวณิชชานนท์ ส.ส.ในพื้นที่ให้ทำเรื่องแจ้งไปยังนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา แต่เรื่องก็ยังเงียบอยู่ จึงมาร้องเรียนให้ช่วยเหลืออีกครั้ง เพราะพวกตนเดือดร้อนอย่างมาก เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่นำบ้านไปจำนอง บางคนก็ขายที่นา เพราะหวังให้ลูกได้มีงานทำแล้วจะได้กลับมาเลี้ยงดูพวกตน แต่เมื่อถูกหลอกทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก อยากให้รัฐบาลช่วยพวกด้วย ถ้าไม่ได้เงินคืน ก็ขอให้ลูกได้เข้าทำงาน เพื่อนำเงินมาไถ่ถอนที่ดินที่ได้นำไปจำนองไว้กับนายทุนด้วย
ด้านนายสุชาติ กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน และจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่พบเป็นเรื่องจริง จึงทำเรื่องเสนอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หาทางเยียวยาชาวบ้านที่เดือดร้อน แต่ไม่ได้รับคำตอบ จึงทำหนังสือแจ้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2553 แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบสนอง
ล่าสุดทราบว่า เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ชาวบ้านทนรอไม่ไหว ได้เดินทางไปร้องเรียนกับอธิบดีกรมป่าไม้ ก็ได้รับคำตอบเพียงจะทำการสอบสวนให้ แต่เรื่องก็ยังไม่คืบหน้าอยู่ดี
นายสุชาติกล่าวต่อว่า ตนเห็นว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้น หน่วยงานที่รับผิดชอบควรต้องเร่งดำเนินการ เพราะมีการนำคนเข้าไปอยู่ในที่ตั้งของหน่วยงานป่าไม้ ถ้าไม่มีการทำกันเป็นขบวนการ ไม่มีผู้หลักผู้ใหญ่ในกรมป่าไม้รู้เห็นด้วย คงทำเช่นนั้นไม่ได้แน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า สำหรับผลการดำเนินคดีกับนายสุนทร หรือฐิติพันธ์ ไสยวงศ์ หน.สายตรวจปราบปรามการกระทำความผิดกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาร่วมกับพวกฉ้อโกงประชาชน และอยู่ระหว่างการรอส่งสำนวนฟ้องต่อพนักงานอัยการ