ชัยภูมิ - ศูนย์ปราบปรามจับกุมและดำเนินคดีแรงงานต่างด้าวฯ ร่วมจังหวัดชัยภูมิ บุกรวบนายหน้าจัดหางานเถื่อน หลังซ่อนตัวอยู่ที่ ชัยภูมิ หลอกลวงแรงงานไทยไปลอยแพมาเลเซียจำนวนมาก เบื้องต้นมีผู้แจ้งความร้องทุกข์ 11 ราย
วันนี้ (19 ก.พ.) นายวัชรพล พลวัน เจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามจับกุมและดำเนินคดีแรงงานต่างด้าวลักลอบทำงานและกระบวนการค้ามนุษย์(ศปรต.) ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ประสาน นายจรินทร์ จักกะพาก ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ นำกำลังเจ้าหน้าที่จัดหางานจังหวัด และพ.ต.ท.สมจิต แก้วพรม หัวหน้าชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ นำหมายศาลจังหวัดชัยภูมิเข้าจับกุมตัว นายพรหมพิทักษ์ ศรีโยธา อายุ 55 ปี ชาวจังหวัดสงขลา หลังสืบทราบว่าหนีมาซ่อนตัวอยู่ที่บ้านเลขที่ 104 หมู่ 11 ต.ชีลอง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ โดยมีพฤติกรรมเป็นนายหน้าจัดหางานเถื่อนหลอกลวงคนงานในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ไปลอยแพยังประเทศมาเลเซียจำนวนมาก ซึ่งเบื้องต้นมีผู้แจ้งความร้องทุกข์รวม 11 ราย
ทั้งนี้ ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ ทางเจ้าหน้าที่ชุด ศปรต.จึงได้นำตัวส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยภูมิ รับตัวไปสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหาหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ ซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวงต่อไป
โดยผู้เสียหายชาวชัยภูมิรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ถูกผู้ต้องหาหลอกเรียกรับเงินเป็นจำนวน 40,000 บาท เพื่อจะจัดส่งไปทำงานอาชีพช่างเชื่อมที่ประเทศมาเลเซีย โดยหลอกเอาทรัพย์เป็นงวดแรกเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายก่อนเดินทางเข้าประเทศมาเลเซียจำนวน 20,000 บาท และเมื่อเดินทางเข้าไปได้และมีงานทำจะต้องจ่ายเงินให้ผู้ต้องหารายนี้อีกจำนวน 20,000 บาท แต่เมื่อได้เสียเงินเดินทางเข้าประเทศมาเลเซียแล้ว กลับไม่มีงานทำและถูกลอยแพทิ้งไว้ที่มาเลเซีย และได้พบกับกลุ่มเพื่อนชาวจังหวัดชัยภูมิ อีกนับสิบรายที่ถูกหลอกเช่นกัน
นายวัชรพล พลวัน เจ้าหน้าที่ ศปรต. เปิดเผยว่า ขบวนการค้ามนุษย์และหลอกลวงคนงานเหล่านี้ ยังพบว่ามีอีกมากจากการถูกร้องเรียนในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเรากำลังเร่งขยายผลติดตามจับกุมผู้ที่อยู่เบื้องหลังอย่างเร่งด่วน ขอฝากไปยังแรงงานที่ตกเป็นเหยื่อกับผู้ต้องหารายนี้สามารถเข้าแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมได้ที่ สภ.เมืองชัยภูมิ
พร้อมกันนี้ ขอเตือนไปยังผู้ที่จะประสงค์ไปทำงานต่างประเทศทุกคน อย่าไปหลงเชื่อว่าจะได้ไปทำงานต่างประเทศง่ายๆ ขอให้ตรวจสอบนายหน้าที่ออกตระเวนหาคนงานให้ดี ก่อน โดยสามารถประสานจัดหางานจังหวัดฯ ในการตรวจสอบว่าบุคคลหรือสำนักงานจัดหางานนั้นๆ ไม่เช่นนั้นจะสูญเสียทั้งทรัพย์ เวลา และอื่นๆตามมาอีกมากมาย เพราะยังมีคนตกเป็นเหยื่ออีกจำนวนมากที่ทางกรมการจัดหางานรับเรื่ององร้องเรียนมา และรอกำลังความช่วยเหลืออยู่ขณะนี้