ระนอง - พม.ประกาศยืนยันภารกิจต่อต้านการค้ามนุษย์นำร่อง จังหวัดระนอง เดินหน้าสร้างความรู้ ความเข้าใจ หยุดภัยค้ามนุษย์ทุกรูปแบบ
นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. กล่าวในระหว่างเปิดงานเป็นประธานเปิดงาน “เวทีสัญจรประกาศยืนยันภารกิจในการป้องกันและต่อต้านการค้ามนุษย์ของประเทศไทย” ที่จังหวัดระนอง ว่า จากรายงานการค้ามนุษย์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ปี 2553 ได้มีการประเมินสถานการณ์การค้ามนุษย์ และการดำเนินการของประเทศต่างๆ กว่า 177 ประเทศ
พบว่า ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 2 ที่ต้องจับตามอง หมายถึงเป็นประเทศที่ไม่สามารถ ปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำตามกฎหมายว่าด้วยการยุติการค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกา และมีบุคคลที่ตกเป็นเหยื่อเพิ่มขึ้น รัฐบาลไทยจึงถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขและประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานของประเทศไทย เพื่อเป็นการให้ข้อมูลกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยประกาศใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 ซึ่งให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองสิทธิและความปลอดภัยของผู้เสียหายตามหลักสิทธิมนุษยชน และมนุษยธรรมโดยคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์เข้าสู่กระบวนการคุ้มครองที่เหมาะสม และจัดตั้งกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อนำไปใช้ในการเยียวยาผู้เสียหาย ในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ ได้จัดทำกรอบความร่วมมือพหุภาคีในการต่อต้านการค้ามนุษย์
รวมทั้งสนับสนุนการจัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ และกำหนดให้บ้านพักเด็กและครอบครัว เป็นศูนย์กลางในการรับแจ้งเหตุค้ามนุษย์ผ่านสายด่วน 1300 ศูนย์ประชาบดี ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น
นายอิสสระ กล่าวต่อว่า ในด้านการป้องกัน ได้มีการรณรงค์ให้ความรู้แก่เด็กและสตรีกลุ่มเสี่ยงในโรงเรียนและในชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมบทบาทการมีส่วนร่วมจากเด็กและเยาวชนในการป้องกันและต่อต้านการค้ามนุษย์ รวมทั้งการดำเนินการจัดโครงการเวทีสัญจรประกาศภารกิจการป้องกันและต่อต้านการค้ามนุษย์ของประเทศไทย
โดยเริ่มต้นที่จังหวัดระนอง เป็นแห่งแรกซึ่งเป็นจังหวัดที่มีแนวชายแดนติดต่อกับประเทศพม่า และพบว่ามีการลักลอบนำพาแรงงานเข้ามาลักลอบทำงานในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย โดยอาศัยเป็นทางผ่านไปจังหวัดอื่น หรือไปต่างประเทศ ปัจจัยดังกล่าวทำให้กลุ่มผู้ใช้แรงงานต้องเข้าสู่ขบวนการค้ามนุษย์ และถูกแสวงหาประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสวงหาประโยชน์ด้วยแรงงาน ซึ่งปัญหาดังกล่าวนับวันจะเพิ่มมากขึ้น มีจำนวนสถิติของผู้เสียหายที่ค่อนข้างสูง และยังมีการเข้า-ออกของแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง การจัดงานเวทีสัญจรในครั้งนี้ จึงมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยน ประสบการณระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม และประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และเพิ่มการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการเฝ้าระวัง และป้องกันแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์
ทั้งนี้ การจัดโครงการเวทีสัญจรรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ จะจัดให้มีขึ้นอีกครั้งในวัน 6 กุมภาพันธ์ 2554 ณ จังหวัดตาก
นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. กล่าวในระหว่างเปิดงานเป็นประธานเปิดงาน “เวทีสัญจรประกาศยืนยันภารกิจในการป้องกันและต่อต้านการค้ามนุษย์ของประเทศไทย” ที่จังหวัดระนอง ว่า จากรายงานการค้ามนุษย์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ปี 2553 ได้มีการประเมินสถานการณ์การค้ามนุษย์ และการดำเนินการของประเทศต่างๆ กว่า 177 ประเทศ
พบว่า ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 2 ที่ต้องจับตามอง หมายถึงเป็นประเทศที่ไม่สามารถ ปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นต่ำตามกฎหมายว่าด้วยการยุติการค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกา และมีบุคคลที่ตกเป็นเหยื่อเพิ่มขึ้น รัฐบาลไทยจึงถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขและประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานของประเทศไทย เพื่อเป็นการให้ข้อมูลกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยประกาศใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 ซึ่งให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองสิทธิและความปลอดภัยของผู้เสียหายตามหลักสิทธิมนุษยชน และมนุษยธรรมโดยคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์เข้าสู่กระบวนการคุ้มครองที่เหมาะสม และจัดตั้งกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อนำไปใช้ในการเยียวยาผู้เสียหาย ในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ ได้จัดทำกรอบความร่วมมือพหุภาคีในการต่อต้านการค้ามนุษย์
รวมทั้งสนับสนุนการจัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ และกำหนดให้บ้านพักเด็กและครอบครัว เป็นศูนย์กลางในการรับแจ้งเหตุค้ามนุษย์ผ่านสายด่วน 1300 ศูนย์ประชาบดี ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น
นายอิสสระ กล่าวต่อว่า ในด้านการป้องกัน ได้มีการรณรงค์ให้ความรู้แก่เด็กและสตรีกลุ่มเสี่ยงในโรงเรียนและในชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมบทบาทการมีส่วนร่วมจากเด็กและเยาวชนในการป้องกันและต่อต้านการค้ามนุษย์ รวมทั้งการดำเนินการจัดโครงการเวทีสัญจรประกาศภารกิจการป้องกันและต่อต้านการค้ามนุษย์ของประเทศไทย
โดยเริ่มต้นที่จังหวัดระนอง เป็นแห่งแรกซึ่งเป็นจังหวัดที่มีแนวชายแดนติดต่อกับประเทศพม่า และพบว่ามีการลักลอบนำพาแรงงานเข้ามาลักลอบทำงานในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย โดยอาศัยเป็นทางผ่านไปจังหวัดอื่น หรือไปต่างประเทศ ปัจจัยดังกล่าวทำให้กลุ่มผู้ใช้แรงงานต้องเข้าสู่ขบวนการค้ามนุษย์ และถูกแสวงหาประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสวงหาประโยชน์ด้วยแรงงาน ซึ่งปัญหาดังกล่าวนับวันจะเพิ่มมากขึ้น มีจำนวนสถิติของผู้เสียหายที่ค่อนข้างสูง และยังมีการเข้า-ออกของแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง การจัดงานเวทีสัญจรในครั้งนี้ จึงมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยน ประสบการณระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม และประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และเพิ่มการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการเฝ้าระวัง และป้องกันแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์
ทั้งนี้ การจัดโครงการเวทีสัญจรรณรงค์ต่อต้านการค้ามนุษย์ จะจัดให้มีขึ้นอีกครั้งในวัน 6 กุมภาพันธ์ 2554 ณ จังหวัดตาก
