ศรีสะเกษ - เขมรเย้ยเจรจาหยุดยิง กดตูมสนั่นกลางดึก 2 ครั้งที่ “ภูมะเขือ-เขาพระวิหาร” แฉเขมรขนเครื่องยิงจรวดบีเอ็ม 21 จำนวน 20 คัน และรถถัง 10 คันจอดบริเวณวัดแก้วฯ พร้อมโจมตี ก่อนหน้าบิ๊กทหาร 2 ฝ่ายเจรจาที่ “ช่องสะงำ” ขณะทหารไทยส่งหน่วยรบพิเศษนับพันนายตรึงกำลังรอบเขาพระวิหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีการเจรจาได้ข้อตกลงหยุดยิงร่วมกันระหว่างคณะนายทหารระดับสูงของฝ่ายไทยกับกัมพูชา นำโดย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก, พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2), พล.ต.ชวลิต ชุนประสาน ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (ผบ.กกล.สุรนารี) กับคณะของ พล.ท.ฮุน มาเนต รองผู้บัญชาการทหารบก (รอง ผบ.ทบ.) และ ผบ.หน่วยทหารองครักษ์ บุตรชายสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรี กัมพูชา, พล.ท.เจีย มอญ ผบ. ภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชา และ พล.ท.ซรัย ดึ๊ก ผบ.กองพลสนับสนุนที่ 3 รับผิดชอบเขาพระวิหาร ที่ร้านอาหารซำเมา บริเวณช่องสะงำ อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย กัมพูชา เมื่อวานนี้ (19 ก.พ.) นั้น
เมื่อช่วงเวลาประมาณ 00.15 น.วันนี้ (20 ก.พ.) มีรายงานว่า ได้มีเสียงระเบิดดังขึ้น 1 นัด ที่บริเวณภูมะเขือ ผู้เชี่ยวชาญทางอาวุธสงครามระบุว่าเป็นเสียงปืน ค.82 แต่กระสุนปืน ค.ไม่ได้เข้ามาตกในเขตแดนไทย โดยตกอยู่ในเขตพื้นที่ที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร (ตร.กม.) ซึ่งเสียงกระสุนปืน ค.ดังกล่าวได้ทำให้ชาวบ้านโดนเอาว์ ต.รุง อ.กันทรลักษ์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากภูมะเขือ ได้ยินเสียงระเบิดอย่างชัดเจนและชาวบ้านโดนอาว์จำนวนหนึ่งได้พากันรีบวิ่งเข้าหลุมหลบภัยเพื่อความปลอดภัย แต่เมื่อไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น จึงได้พากันออกจากหลุมหลบภัยกลับขึ้นไปนอนบนบ้านเรือนตามปกติ
ต่อมาเวลา 11.45 น.วันเดียวกัน แหล่งข่าวทหารเปิดเผยว่า ขณะที่ทหารไทยกำลังปฏิบัติหน้าที่ที่บริเวณรอบเขาพระวิหารและเตรียมพร้อมปกป้องอธิปไตยของชาติไทยอย่างเต็มที่ ปรากฏว่าได้มีเสียงดังคล้ายกับเสียงลูกระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง ที่บริเวณปราสาทโคปุระชั้นที่ 1 บนเขาพระวิหาร ซึ่งเสียงระเบิดที่ดังขึ้นทำให้ทหารไทยที่ตรึงกำลังอยู่ได้รีบเข้าบังเกอร์เพื่อเตรียมพร้อมต่อสู้ แต่ไม่มีการปะทะเกิดขึ้นแต่อย่างใดเนื่องจากไม่ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ใช้อาวุธตอบโต้ ซึ่งเสียงระเบิดที่ดังขึ้นทั้ง 2 ครั้งดังกล่าว ทหารไทยคาดว่าเป็นการยั่วยุจากฝ่ายกัมพูชาที่ต้องการให้ฝ่ายไทยใช้อาวุธตอบโต้ แต่เมื่อทหารไทยไม่ได้ตอบโต้ทำให้ฝ่ายกัมพูชาหยุดการยั่วยุไปชั่วคราว
แหล่งข่าวทางทหารเปิดเผยต่อว่า ก่อนหน้าที่จะมีการเจรจากันระหว่างนายทหารระดับสูงของไทยและกัมพูชาที่บริเวณช่องสะงำดังกล่าว ปรากฏว่าทหารกัมพูชาได้นำรถบรรทุกเครื่องยิงจรวดบีเอ็ม 21 จำนวน 20 คันมาจอดที่บริเวณด้านหลังวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร นอกจากนี้ยังนำรถถังอีกจำนวน 10 คันมาจอดอยู่ใกล้กับช่องคานหักใกล้กับทางขึ้นเขาพระวิหาร เพื่อเตรียมพร้อมโจมตีทหารฝ่ายไทย
ขณะที่ทหารไทยได้จับตาความเคลื่อนไหวกำลังทหารของฝ่ายกัมพูชาอย่างใกล้ชิด
และได้ส่งกำลังพลหน่วยรบพิเศษประมาณ 1,000 นาย เข้าตรึงกำลังรอบเขาพระวิหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณภูมะเขือ ซึ่งทหารหน่วยรบพิเศษทั้งหมดถือเป็นหน่วยรบที่มีประสิทธิภาพในการรบสูงสุดของไทย มีความเชี่ยวชาญในการรบทุกรูปแบบพร้อมทั้งมีอาวุธทันสมัยมากที่สุด สามารถปฏิบัติการรบได้อย่างเต็มประสิทธิภาพทั้งกลางวันและกลางคืน และเคยแสดงศักยภาพการรบที่ยอดเยี่ยมให้ฝ่ายกัมพูชาได้เห็นมาแล้วในการปะทะกันเมื่อวันที่ 6 ก.พ. และวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ทหารฝ่ายกัมพูชาเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
นายวีรยุทธ ดวงแก้ว กำนัน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ทุกหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในเขต ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ บรรยากาศเริ่มที่จะเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว หลังจากไม่มีเสียงกระสุนปืนใหญ่และระเบิดดังใกล้หมู่บ้านมานาน 4 วัน ชาวบ้านเริ่มออกประกอบอาชีพตามปกติ และเริ่มหายจากอาการผวาภัยสงครามบ้างแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ชาวบ้านทุกคนได้เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลาคือ พร้อมอพยพหนีภัยสงครามทันที เมื่อได้รับแจ้งเตือนจากทางราชการ ซึ่งมีการวางระบบเตือนภัยและวางแผนการอพยพไว้อย่างเป็นระบบทั้งหมดแล้ว