หนองคาย - สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ลงนามความร่วมมือ กับสภาการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว ผลักดันความร่วมมือการค้า การลงทุน ขยายฐานธุรกิจระหว่างประเทศ ประเดิมโครงการแรก พ.ค.นี้ นำนักธุรกิจรุ่นใหม่ลาว 20 คนติวเข้มกลยุทธ์การบริหารธุรกิจ เผย 3 ปีที่ผ่านมาโครงการลงทุนของไทยในลาวจากแชมป์อันดับ 1 หล่นมาอันดับ 3 หลังถูกจีน-เวียดนามรุกขยายฐานลงทุนอย่างหนัก
เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมทับทิม โรงแรมแกรนด์ พาราไดซ์ อ.เมืองหนองคาย ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือการส่งเสริมและสนับสนุนภาคธุรกิจระหว่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นำโดย นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กับสภาการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว นำโดย ดร.สะหนั่น จุลมณี รองประธานสภาการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว ได้ตกลงที่จะทำบันทึกความร่วมมือกันเพื่อให้เกิดความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และด้านเศรษฐกิจ รวมถึงส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางด้านวิชาการ เพื่อลดขั้นตอนในการดำเนินธุรกิจ และเชื่อมความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว
หลังจากลงนามความร่วมมือระหว่างสองประเทศแล้ว ในเดือน พ.ค.2554 จะมีการจัดโครงการสร้างความร่วมมือพัฒนาเสริมสร้างบุคลากรไทยและลาว โดยการนำนักธุรกิจลาวจำนวน 20 คน ซึ่งเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่เข้ารับการอบรมหลักสูตรการสร้างกลไกธุรกิจการค้าจากผู้เชี่ยวชาญของไทย เช่น การวางแผนธุรกิจ การบริหารความเสี่ยง ทักษะการตลาด การบริหารจัดการกระบวนการลอจิสติกส์ และศึกษาดูงานและฝึกงานในสถานประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร รองเท้า เครื่องนุ่งห่ม ลอจิสติกส์ในไทย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ
การลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวแรกที่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะแสดงออกถึงความร่วมมือและส่งเสริมความร่วมมือ ภายใต้วัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาในมิติต่างๆ เช่น การค้า การผลิตอุตสาหกรรม การลงทุน ด้านลอจิสติกส์ รวมทั้งด้านวิชาการ ซึ่งทั้งหมดนี้จะก่อให้เกิดการช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างจริงจังและจริงใจ การพัฒนาบุคลากรทางธุรกิจ เพื่อยกระดับความสามารถของสมาชิกในการอยู่รอดและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันภาคธุรกิจในอนาคต ภายใต้บันทึกข้อตกลงฉบับนี้จะเป็นกลไกที่สำคัญของภาคธุรกิจทั้งสองประเทศ ในการสร้างความร่วมมือที่จะขยายธุรกิจร่วมกัน
ปัจจุบันการค้า การลงทุน รวมทั้งด้านเศรษฐกิจของไทยมีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสูง มีกำลังการผลิตสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีสินค้าในการส่งออกมากขึ้น โดยได้รับการยอมรับในผลการตรวจสอบและรับรองที่ดำเนินการในประเทศ จากประเทศคู่ค้าที่เป็นสมาชิกของทั้งสอง เนื่องจากการดำเนินงานด้านมาตรฐานของประเทศ ดังนั้นการลงนามความร่วมมือระหว่างนักธุรกิจไทยลาวในครั้งนี้จะช่วยให้เกิดการพัฒนาทางธุรกิจอุตสาหกรรมในทิศทางเดียวกันและเป็นเอกภาพรองรับการเจริญเติบโตในกลุ่มภูมิภาคอาเซียนให้ทันภายในปี 2558
ด้าน ดร.สะหนั่น จุลมณี รองประธานสภาการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างไทย-ลาว นับวันยิ่งทวีความสำคัญ ในกลุ่มประเทศอาเซียน ลาวและไทยถือเป็นประเทศญาติพี่น้องกัน มีความสัมพันธ์ทางการค้าและอุตสาหกรรมมายาวนาน ขณะนี้ประเทศลาวกำลังก้าวไปสู่การพัฒนาในหลายๆ ด้าน การลงนามความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจลาวไทย นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันเมื่อกลางปีที่ผ่านมา โดยเห็นชอบที่จะพัฒนาด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ
ก่อนหน้านี้สภาการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว เคยขอความร่วมมือจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยให้ช่วยพัฒนาและสร้างบุคลากรนักธุรกิจของลาว เนื่องจากนักธุรกิจในประเทศลาวยังขาดแคลนบุคลากรที่มีประสิทธิภาพในการบริหารธุรกิจ และสานต่องานจากนักธุรกิจรุ่นเก่าให้สอดคล้องกับการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียน และเศรษฐกิจโลก
ประเทศไทยเคยมีการลงทุนในประเทศลาวเป็นอันดับ 1 แต่มาในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศจีนและเวียดนามรุกตลาดการลงทุนในลาวเพิ่มมากขึ้น ทำให้ไทยตกลงอยู่อันดับ 3 ของการลงทุนอุตสาหกรรมในประเทศลาว แต่ในด้านความสัมพันธ์ทางการค้า ไทย ยังคงอยู่ในอันดับ 1 ประเด็นสำคัญคือการที่ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนแน่นแฟ้นยาวนาน เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน และทั้งสองประเทศมีผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจร่วมกัน โดยมีนักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในลาวกว่า 200 โครงการ หรือประมาณเงินลงทุน 2,600 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายกฤษดา บุตรเจริญ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดหนองคาย กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมด้านเศรษฐกิจของจังหวัดหนองคายและภาคอีสาน ยังคงมีความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยจากศักยภาพเชิงพื้นที่ที่เชื่อมโยงกับประเทศลาว ส่งผลให้เป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญทางหนึ่ง ด้านการค้าชายแดนไทย-ลาว ยังมีความเป็นไปได้อีกมาก เนื่องจากสินค้าส่งออกของไทยยังเป็นที่ต้องการของตลาดลาว สินค้าที่สำคัญ ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค เช่น เสื้อผ้า อาหารประจำวัน น้ำมันเชื้อเพลิง แก๊ส ยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องกีฬา รวมทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ ซึ่งในอนาคตสินค้าที่จะเป็นที่ต้องการของลาว ได้แก่ สินค้าฟุ่มเฟือย เช่น รถยนต์ สุรา และบุหรี่
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแข่งขันในตลาดการค้าที่มีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา ภาคธุรกิจยังต้องมีการประสานความร่วมมือในหลายด้าน โดยต้องอาศัยการเชื่อมโยงข้อมูลทางการค้า การลงทุนในธุรกิจและอุตสาหกรรมระหว่างกันเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ความร่วมมือซึ่งกันและกัน ซึ่งหลังจากที่ไทยและลาวได้ลงนามข้อตกลงในการส่งเสริมและสนับสนุนภาคธุรกิจระหว่างกันแล้วจะทำให้เกิดความสะดวกทางการค้า และการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศไปพร้อมกัน
