ศรีสะเกษ - ทหารไทยจับ 2 ผู้ต้องสงสัยสายลับเขมร เข้าสอดส่องที่ตั้งทหาร พบเครื่องแบบทหารกัมพูชา ขณะชาวบ้านตื่นเสียงปืนใหญ่กว่า 10 นัดที่ “ภูมะเขือ” ใกล้ “เขาวิหาร” อพยพกลางดึกมาที่หอประชุมที่ว่าการ อ.กันทรลักษ์ พากันกลับบ้านหมดแล้ว ทหารระบุเป็นการยิงป่วนยั่วยุของฝ่ายเขมร ไม่มีปะทะ ด้านผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ ยันไม่กระทบไร้กระสุนตกฝั่งไทย พร้อมปักหลักนอนค้างคืนอยู่ที่บ้านภูมิซรอล สร้างความมั่นใจชาวบ้านจนกว่าชายแดน “เขาพระวิหาร” สงบ ขณะ ปชช.ยังผวาเร่งสร้างหลุมหลบภัยเอง
วันนี้ (13 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 22.50 น.คืนที่ผ่านมา ที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ขณะที่ประชาชนกำลังนอนพักผ่อนอยู่ในบ้าน หลังจากเพิ่งอพยพจากศูนย์อพยพชั่วคราวในเขต อ.กันทรลักษ์และอำเภอใกล้เคียง กลับเข้ามาอยู่บ้านเรือนของตัวเองเป็นวันแรก ปรากฏว่า ได้มีเสียงระเบิดคล้ายเสียงปืนใหญ่ดังขึ้นจำนวน 6-7 นัด นานประมาณ 30 นาที ที่บริเวณภูมะเขือ ด้านทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร เสียงระเบิดดังกล่าวดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้ชาวบ้านพากันหวาดผวาวิ่งเข้าหลุมหลบภัยกันอย่างโกลาหล และบางส่วนได้ขนข้าวของอพยพกลับเข้ามาอยู่ที่บริเวณหอประชุมที่ว่าการ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประมาณ 100 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้อำนวยความสะดวกจัดหาที่พักหลับนอนให้กับชาวบ้านอย่างเร่งด่วน
ต่อมาเวลาประมาณ 03.00 น.วันนี้ (13 ก.พ.) ได้ยินเสียงดังคล้ายกับเสียงปืนใหญ่ดังขึ้นอีก 3 ครั้ง ที่บริเวณภูมะเขือ เช่นเดิม จากนั้นเวลา 04.00 น.มีเสียงเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี และเสียงปืนอาก้า และ เอ็ม 79 ดังต่อเนื่องจนถึงเวลา 06.00 น.ที่บริเวณภูมะเขือ ก่อนที่เสียงปืนจะได้สงบลง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทหารไทย ระบุว่า เสียงปืนดังกล่าวเป็นการยิงยั่วยุจากฝ่ายกัมพูชา แต่ไม่ใช่เป็นการปะทะ หรือยิงต่อสู้กับทหารไทย และทหารไทยไม่ได้มีการตอบโต้แต่อย่างใด
ทางด้าน นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวภายหลังจากได้เดินทางมานอนพักค้างคืนอยู่ในพื้นที่ร่วมกับชาวบ้านภูมิซรอล ที่บริเวณที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ว่า เสียงปืนที่ดังขึ้นอาจเป็นเสียงปืนของนายพรานที่เข้าไปล่าสัตว์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และอาจเป็นเสียงระเบิดที่สัตว์ป่าไปเหยียบกับระเบิด ซึ่งไม่ได้มีผลกระทบเข้ามาในเขตแดนไทยแต่อย่างใด เพราะไม่ได้มีกระสุนปืนใหญ่เข้ามาตกในเขตแดนไทย ซึ่งตนจะปักหลักนอนพักค้างคืนอยู่ร่วมกับชาวบ้านภูมิซรอล จนกว่าเหตุการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร จะสงบเรียบร้อย
นายวีรยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำบลเสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า เสียงปืนที่ดังขึ้นมานั้น ไม่ชัดเจนว่า เป็นการยิงจากฝ่ายใด แต่คาดว่าเป็นการยิงยั่วยุจากฝ่ายกัมพูชาที่ต้องการสร้างความไม่สงบขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ซึ่งตนได้แจ้งเตือนให้ชาวบ้านในเขต ต.เสาธงชัย รับฟังประกาศของทางราชการเท่านั้น ไม่ต้องไปเชื่อข่าวลือที่มีผู้ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ และต่อประชาชนปล่อยข่าวลือออกมาเป็นระยะๆ สร้างความตื่นตระหนกตกใจให้กับชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง
“ขอให้ชาวบ้านทุกคนมั่นใจว่า ทหารไทยจะสามารถปกป้องคุ้มกันชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวศรีสะเกษที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ได้อย่างแน่นอน” นายวีรยุทธ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 19.00 น.คืนวันที่ 12 ก.พ.ทหารพรานหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 ได้ทำการเชิญตัว นายพา สุวิชา จากบริเวณในเขต ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มาสอบสวนหลังจากพบพฤติกรรม ว่า นายพา ได้เข้าไปสอดส่องหาข้อมูลในเขตที่ตั้งทหาร ซึ่งจากการตรวจค้นในตัวพบชุดคล้ายทหารกัมพูชา จำนวน 1 ชุด อยู่ในกระเป๋า ซึ่งนายพาได้ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่า ได้มาหาพระสงฆ์ที่เคยบวชเป็นพระร่วมกันอยู่ในเขตพื้นที่นี้ หลังจากเกิดเหตุการณ์ก็ไม่ได้พบหน้ากัน ซึ่ง นายพา อ้างว่า ตนเองเป็นชาวบ้าน อ.บัวลาย จ.นครราชสีมา แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ จึงได้ควบคุมตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากคาดว่าจะเป็นสายลับให้กับกัมพูชา เข้ามาดูที่ตั้งทางทหารฝ่ายไทย
ต่อมามีรายงานข่าวว่า เมื่อเวลา 07.00 น.วันนี้ (13 ก.พ.) พระสงฆ์ที่ นายพา อ้างถึงนั้น ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวมาสอบสวน เนื่องจากมีพฤติกรรม ว่า ตามบัตรประชาชนของพระ ระบุส่วนสูงไม่ตรงกับการเก็บประวัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยบัตรประชาชน ระบุว่า พระรูปดังกล่าวสูง 130 เซนติเมตร (ซม.) แต่เมื่อตรวจสอบกับการเก็บประวัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าสูง 180 ซม.ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป
นอกจากนี้ เมื่อเวลา 08.00 น.วันเดียวกันนี้ (13 ก.พ.) พ.ต.ท.เปียว ทองแก้ว สว.สส.สภ.บึงมะลู พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และ ร.ท.ชาตรี ผลนาค หัวหน้าชุดสืบสวนหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 ได้ทำการเชิญตัวชายต้องสงสัยอีก 1 ราย คือ นายบุญทิน ปัสสาสุ เป็นชาวบ้านหมู่ 11 ต.ละเอาะ อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ มาเพื่อทำการสอบสวน เบื้องต้นทราบว่า ผู้ต้องสงสัยเคยกระทำผิดข้อหาลักทรัพย์ในเขต สภ.พยุห์ และ สภ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ โดยจับกุมได้ภายในหมู่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ขณะที่ นายบุญทิน เข้ามาปะปนอยู่กับชาวบ้านที่เพิ่งอพยพกลับเข้ามาอยู่ในบ้าน โดยมีพฤติกรรมสอดส่องพื้นที่ตั้งของทหารฝ่ายไทย
จากการตรวจค้นในตัวพบตลับเมตร ความยาวประมาณ 30 เมตร เข็มขนาดใหญ่ พร้อมเชือกวัดระยะ มีดขนาด 4 นิ้ว จำนวน 2 เล่ม ชุดทำแผลมีน้ำยา ผ้าก๊อต สำลี กระดาษแผนผังคล้ายกับที่ตั้งทหาร อยู่ภายในเป้ ซึ่ง นายบุญทิน อ้างว่า ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาเพื่อต้องการเข้ามาดูสถานที่เกิดเหตุที่กระสุนปืนใหญ่ตก รวมทั้งอ้างว่าเข้ามาหาปลาในเขตบ้านภูมิซรอล แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากคาดว่าอาจเป็นสายลับของฝ่ายกัมพูชา จึงได้ควบคุมตัว นายบุญทิน และยึดซิมการ์ดโทรศัพท์ของนายบุญทินไปตรวจสอบ
จากการสอบถามญาติของผู้ต้องสงสัย คือ นายสมสิน นรดิษฐ์ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 หมู่ 11 ต.ละเอาะ อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ ทราบว่า ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา ผู้ต้องสงสัยเคยเข้าไปในบ้านของคนอื่น และจัดสิ่งของภายในบ้านของชาวบ้านใหม่ โดยอ้างว่าเป็นบ้านของตนเอง และไล่เจ้าของบ้านหนีไป ซึ่งลักษณะอาการคล้ายกับเป็นผู้ป่วยทางจิต ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลา 09.00 น.วันเดียวกันนี้ (13 ก.พ.) ที่หอประชุมที่ว่าการ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านภูมิซรอล จำนวนประมาณ 100 คน ที่พากันอพยพเนื่องจากตื่นตระหนกเสียงกระสุนปืนใหญ่ ดังขึ้นที่บริเวณภูมะเขือ ทางทิศตะวันตกเขาพระวิหาร เมื่อคืนนี้และได้พากันมาพักหลับนอนอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวแห่งนี้ ได้พากันเดินทางกลับไปยังบ้านเรือนของตนเองแล้ว หลังจากทางราชการแจ้งว่า เหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
อีกทั้งทหารและตำรวจได้เข้าไปรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ ทำให้ชาวบ้านเกิดความมั่นใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ ได้มานอนพักค้างคืนร่วมกับชาวบ้านอยู่ที่หมู่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ทำให้ชาวบ้านเกิดความอบอุ่นใจ และมั่นใจในความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ต่อมาเวลา 10.00 น.ชาวบ้านภูมิซรอล และ บ้านซำเม็ง ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนหนึ่งได้ช่วยกันทำหลุมหลบภัยขึ้นมาภายในเขตบริเวณบ้านของตัวเอง ทั้งนี้เนื่องจากหลุมหลบภัยที่ทางราชการจัดสร้างให้นั้นยังมีไม่เพียงพอกับความต้องการของชาวบ้าน โดยชาวบ้านได้ช่วยกันขุดหลุมลึกลงไป และนำเอาแผ่นไม้ที่ค่อนข้างหนามาวางทับข้างบนและนำเอาดินมาถมทับเอาไว้ เพื่อเป็นการป้องกันกระสุนปืนใหญ่สำหรับตนเอง และครอบครัวหากมีการปะทะกันขึ้นมาอีกระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา