ศรีสะเกษ - ทหารเขมร-ไทย ปะทะยก4 “เขาพระวิหาร” ดวลปืนใหญ่กว่า 10 นัดไม่มีรายงานเจ็บตาย ขณะ “ถาวร-องอาจ” ลงตรวจเยี่ยมปชช.ชายแดนอ.กันทรลักษ์อพยพหนีสู้รบพุ่ง 15,000 คน รวม อุบลฯอีก 7,000 คน เผยทุ่มงบฯ 100 ล้าน ซับน้ำตาผู้ประสบภัยสงคราม โอ่หากไม่พอเพิ่มเป็น 500 ล้าน ผู้ว่าฯศรีสะเกษสรุปปะทะ 4 รอบ เหยื่อปืนใหญ่เขมรชาวบ้านดับ 2 ราย บาดเจ็บ 16 ราย บ้านราษฎรพัง 17 หลัง รวมทั้งโรงเรียน- วัด- ถนน -สวนยาง ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ 2 ตำบล 9 หมู่บ้าน รพ.ตั้งศูนย์ปฐมพยาบาล 24 ชม. 12 จุด
วันนี้ (7 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.10 น.ที่บริเวณภูมะเขือ ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านทิศตะวันตกเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทหารกัมพูชาได้ใช้ปืนใหญ่ยิงถล่มเข้าใส่ทหารไทยที่ตรึงกำลังอยู่บริเวณภูมะเขือ ซึ่งทหารไทยได้ใช้ปืนใหญ่ยิงตอบโต้กันนานประมาณ 10 นาที รวมกว่า 10 นัด เสียงปืนใหญ่จึงได้สงบลง ยังไม่มีรายงานมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
ต่อมาเวลา 10.30 น.ที่บริเวณหอประชุมที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ ได้เดินทางมาเยี่ยมปลอบขวัญประชาชนชาวศรีสะเกษ ที่อาศัยอยู่ตามหมู่บ้านแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และได้อพยพหนีภัยสงครามจากการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา มาพักอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราวแห่งนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่ง นายองอาจ และ นายถาวร ได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ชาวบ้านที่ประสบภัยสงครามด้วย
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวรายงานสรุปสถานการณ์ว่า ได้มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา เมื่อวันที่ 4 ก.พ.54 เวลา 15.15 น.โดยเกิดการปะทะกันที่บริเวณภูมะเขือ ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งตนและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ระดมอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยมาอยู่ที่ศูนย์อพยพที่ได้จัดเตรียมไว้ จำนวน 7 แห่ง เบื้องต้นมีผู้อพยพทั้งสิ้นจำนวน 8,000 คนเศษ
ต่อมาวันที่ 5 ก.พ.54 เวลา 06.20-07.05 น.ได้เกิดปะทะกันอีกครั้งที่บริเวณภูมะเขือ และเมื่อวันที่ 6 ก.พ.54 เวลา 18.30-21.45 น.ได้เกิดการปะทะกันอีกครั้งที่บริเวณภูมะเขือ และบริเวณโดยรอบเขาพระวิหาร ซึ่งสรุปความเสียหายเบื้องต้น ตั้งแต่วันที่ 4-6 ก.พ.54 ปรากฏว่า มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นประชาชนพลเรือน คือ นายจำเริญ ผาหอม อายุ 59 ปี และ ทหาร 1 นาย คือ ส.อ.วุธชรินทร์ ชาติคำดี อายุ 26 ปี มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 16 ราย เป็นพลเรือน 2 ราย และ ทหาร 14 ราย บ้านเรือนเสียหายรวม 17 หลัง เสียหายทั้งหลัง 7 หลัง เสียหายบางส่วน 10 หลัง อาคารเรียนโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา เสียหายบางส่วน 2 หลัง
นอกจากนี้ ยังมีถนน วัด และสวนยางพาราของเกษตรกรเสียหายเป็นบริเวณกว้างหลายแห่ง
ส่วนในการช่วยเหลือเบื้องต้นนั้น จ.ศรีสะเกษ ได้จ่ายเงินทดรองราชการ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เป็นเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต จำนวน 50,000 บาท และเงินชดเชยค่าบ้านที่เสียหายทั้งหลัง จำนวน 7 หลังๆ ละ 70,000 บาท เป็นเงิน 210,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 260,000 บาท สำหรับบ้านที่เสียหายบางส่วน จะเร่งสำรวจและให้ความช่วยเหลือโดยด่วนเท่าที่เสียหายจริง แต่ไม่เกินหลังละ 20,000 บาท
ล่าสุด เหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้อพยพหนีภัยสงคราม จำนวนทั้งสิ้น 14,735 คน รวมจุดอพยพ จำนวน 21 จุด และในการเกิดเหตุครั้งนี้ จ.ศรีสะเกษ ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติ (ภัยอันเนื่องจากกองกำลังจากนอกประเทศ) ในพื้นที่ 2 ตำบล 9 หมู่บ้าน ประกอบด้วย ต.เสาธงชัย คือ หมู่ที่ 2, 3, 9, 10, 12 และหมู่ 13 และ ต.รุง หมู่ที่ 5, 7 และ หมู่ 10 อ.กันทรลักษ์ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ก.พ.เป็นต้นมา
นอกจากนี้แล้ว ยังได้มอบผ้าห่มกันหนาวให้แก่ผู้ประสบภัยแล้ว จำนวน 6,970 ผืน เทศบาลเมืองกันทรลักษ์ และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่ได้สนับสนุนข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ช่วยเหลือผู้ประสบภัย โรงพยาบาลกันทรลักษ์ ได้จัดศูนย์ปฐมพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมง (ชม.) จำนวน 12 จุดๆ ละ 8 คน
ทาง จ.นครราชสีมา สนับสนุนรถสุขาเคลื่อนที่ จำนวน 3 คัน สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดศรีสะเกษ มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ครอบครัวผู้ประสบภัยอีกครอบครัวละ 3,000 บาท บริษัท แม็คโคร ศรีสะเกษ มอบน้ำดื่ม ขนาด 1.5 ลิตร จำนวน 1,800 ขวด ชมรมพ่อค้า ห้างร้าน สโมสรโรตารี่ ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน ในเขตพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ สนับสนุนอาหารและเครื่องดื่ม
นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า รัฐบาลนำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยประชาชนชาวศรีสะเกษที่ประสบภัยสงครามในครั้งนี้เป็นอย่างมาก ดังนั้น จึงได้มอบหมายให้ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และตน ได้มาดูแลช่วยเหลือประชาชนชาวศรีสะเกษ ที่ประสบภัยสงครามในครั้งนี้ ซึ่งในการช่วยเหลือของทางราชการนั้น ตนได้จัดสรรเงินให้ทางจังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 100 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัยสงคราม และหากว่าเงินจำนวน 100 ล้านบาท ยังไม่เพียงพอ ทางรัฐบาลจะเพิ่มให้อีกเป็น 200 ล้านบาท และอาจเพิ่มไปถึง 500 ล้านบาท เพื่อให้เพียงพอต่อการดูแลช่วยเหลือประชาชนชาวศรีสะเกษที่ประสบภัยสงครามในครั้งนี้อย่างเต็มที่
ทางด้าน นายโชคชัย สายแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เสาธงชัย กล่าวว่า จากการปะทะกันครั้งใหญ่รอบ 3 เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า มีบ้านเรือนของชาวบ้านและวัดได้รับความเสียหาย ดังนี้คือ 1.น.ส.อารียา สังข์สิงหา อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ 12 บ้านเรือนพังครึ่งหลัง เนื่องจากลูกปืนใหญ่ตกลงข้างบ้าน 2.กุฏิสงฆ์ของวัดป่าธุดงคสถานวิหารเพชร ถูกกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชาพังเสียหาย 2 หลัง 3.ถนนลาดยางทางไปบ้านหนองหว้า เยื้องกับทางเข้าวัดป่าธุดงคสถานวิหารเพชร ถนนลาดยางได้ถูกลูกปืนใหญ่จากฝ่ายกัมพูชาเป็นหลุมลึก ประมาณ 1.50 เมตร กว้าง ประมาณ 3 เมตร ซึ่งตนจะได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้ช่วยเหลือแก้ไขปรับปรุงต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับศูนย์อพยพหนีภัยการสู้รบระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ใน เขต จ.อุบลราชธานี มีประชาชนจากหมู่บ้านชายแดนเข้ามาอยู่ศูนย์อพยพชั่วคราว ล่าสุด รวมประมาณ 7,000 คน เมื่อรวมกับจำนวนผู้อพยพของ จ.ศรีสะเกษ 21 จุด รวม 15,000 คน ทำให้มีจำนวนผู้อพยพหนีภัยสงครามครั้งนี้กว่า 22,000 คน แล้ว
ส่งผลให้ขณะนี้ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่ หลายตำบล ของ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตกอยู่ในสภาพไม่ต่างกับหมู่บ้านร้าง มีเพียงชายวัยฉกรรจ์ รวมทั้ง เจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.) , อาสาสมัครป้องกันภัยภายพลเรือน (อป.พร.) และ อาสมัครรักษาดินแดน จำนวนหนึ่งปักหลักอยู่ภายในหมู่ เพื่อเฝ้าดูแลรักษาอาคารบ้านเรือน ทรัพย์สิน และสัตว์เลี้ยง เท่านั้น
