ฉะเชิงเทรา - ชาวบ้าน 4 ตำบลเปิดศึกรอบแรก ฮือต่อต้านโรงไฟฟ้า พลังก๊าซ NGV หลังกลุ่มทุนในเครือสหโคเจน เตรียมผุดขึ้นปั่นไฟขายอีกโรงใกล้ตัวเมืองแปดริ้วอ้างฝ่ายนายทุนแอบย่องเข้าทำโครงการในพื้นที่โดยไม่แจงให้ชาวบ้านรับรู้ก่อนล่วงหน้าขณะฝ่ายปกครองอำเภอรุดเข้าเจรจากล่อมพร้อมขอเวลาประสานความข้องใจให้กระจ่างภายในหนึ่งสัปดาห์ ก่อนยอมสลาย
วันนี้ (6 ก.พ.) ที่บริเวณบนถนนด้านข้างรั้วกำแพงโรงงานของบริษัท ไมโครชิพ พื้นที่ ม.17ต.คลองนครเนื่องเขต อ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้มีกลุ่มชาวบ้านจากหลายตำบลในพื้นที่ ทั้งตำบล คลองนครเนื่องเขต บางเตยบางกระไห วังตะเคียน กว่า 300 คน รวมตัวกัน
พร้อมล่ารายชื่อเพื่อยื่นคัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้านครเนื่องเขต ซึ่งใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติ NGV ของ บริษัท สหโคเจน ขนาดกำลังการผลิต114 เมกะวัตต์ หลังบริษัทดังกล่าวได้เริ่มนำเครื่องจักรกลหนักเข้ามาดำเนินการปรับพื้นที่ เพื่อเตรียมการก่อสร้าง
พันจ่าเอก ไพโรจน์ ชุ่มชูจันทร์ 65 ปี อดีตข้าราชการบำนาญกองทัพอากาศอยู่บ้านเลขที่ 26 ม.6 ต.บางเตย อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทราซึ่งประกอบอาชีพทำนา ในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้ากล่าวว่า โรงไฟฟ้าแห่งนี้ได้เตรียมการเข้ามาก่อสร้างในพื้นที่ โดยที่ยังไม่เคยมีการแจ้งให้ชาวบ้านรับทราบมาก่อน
จึงทำให้ชาวบ้านเกิดความไม่พอใจ เนื่องจากหากเกิดผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมกับชาวบ้านแล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ชาวบ้านจะได้ประโยชน์อะไรจากการมีโรงไฟฟ้าอยู่ในพื้นที่
พร้อมกล่าวว่า เขาเข้ามากอบโกยเอาผลกำไรไป แล้วทิ้งมลภาวะความเสียหายไว้ให้กับชาวบ้าน จึงอยากจะให้ทางภาครัฐเข้ามาดูความจริงจากชาวบ้านบ้าง ถ้าเกิดความเสียหายและผลกระทบด้านการประกอบอาชีพต่อชาวบ้านในภายหลัง แล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ใครจะเป็นผู้เข้ามาแก้ไข
ทำให้ชาวบ้านทนไม่ได้ เพราะข้อมูลจริงๆ ก็ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าโรงไฟฟ้าแห่งนี้จะเข้ามาก่อสร้าง และมีผลกระทบอย่างไร เพราะถูกปกปิดกันมาโดยตลอดโดยชาวบ้านเพิ่งทราบว่าจะมีโรงไฟฟ้าเข้ามาก่อสร้าง ก็ต่อเมื่อบริษัทโรงไฟฟ้าได้นำป้ายมาติดประกาศไว้ข้างทางเมื่อคืนที่ผ่านมา
โดยระบุว่า ได้รับอนุญาตผ่านกระบวนการทำอีไอเอ (รายการการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม) ไปนานกว่า 2 ปี แล้ว จากผู้ว่าราชการจังหวัดคนก่อนความจริงทางฝ่ายโรงงานควรที่จะเข้ามาชี้แจงต่อชาวบ้านถึงข้อดี ข้อเสียให้ชาวบ้านได้เข้าใจในข้อเท็จจริงขณะนี้ชาวบ้านจึงไม่ไว้ใจทั้งผู้นำท้องถิ่น และทางภาครัฐแล้ว
หากน้ำในลำคลองสาธารณะ ที่ชาวบ้านเคยใช้ด้านการเกษตรถูกดูดเข้าไปหล่อเย็นในโรงไฟฟ้าแล้วถูกปล่อยออกมาจุลรินทรีถูกทำลายจนตายหมดแล้ว แล้วชาวบ้านจะนำน้ำไปใช้ประโยชน์อะไรได้โรงไฟฟ้าแห่งนี้จึงเห็นแก่แต่ผลประโยชน์ เข้ามาลงทุนเพื่อกอบโกยผลกำไรและบริเวณดังกล่าวนี้ ยังมีแนวท่อก๊าซ และสายส่งไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ.พาดผ่านอีกด้วย
เขาจึงอยากที่จะเข้ามาก่อสร้างตรงนี้มาก เพื่อลดต้นทุนในการลงทุน ที่ผ่านมาบริษัทไม่เคยเข้ามาเปิดเผยความจริงทั้งหมดให้ชาวบ้านได้รับรู้ทั้งข้อดีและข้อเสีย ชาวบ้านจึงไม่ยอมรับโรงไฟฟ้าแห่งนี้ เพราะเขาไม่มีหลักประกันใดๆ ทางด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีพอให้แก่ชาวบ้าน
ทั้งนี้ หลังชาวบ้านรวมตัวชุมนุมกันเป็นเวลานานกว่า 1 ชม.จึงได้มี นายสุวัฒน์ วัฒนศักดิ์ ปลัด อ.เมืองฉะเชิงเทรา เดินทางลงพื้นที่เข้ามาร่วมเจรจากับชาวบ้าน พร้อมได้รับปากว่าจะนำเรื่องดังกล่าวกลับไปรายงานให้แก่ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมที่จะประสานกับทางด้านฝ่ายบริษัทให้ช่วยลงพื้นที่เข้ามาทำความเข้าใจต่อชาวบ้านโดยขอเวลาในการดำเนินการเป็นเวลา 7 วัน จนทำให้ชาวบ้านพึงพอใจก่อนยอมสลายการชุมนุมกลับไปในที่สุด
