อุบลราชธานี- จังหวัดอุบลราชธานี ตั้งศูนย์พักเพิงชั่วคราวให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อความปลอดภัย แม้พื้นที่ของจังหวัดยังไม่มีการปะทะของทหารทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้นก็ตาม ขณะเดียวกันกรมทหารที่ 23 สั่งปิดจุดผ่อนปรนช่องอานม้าชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ (5 ก.พ.) ที่โรงเรียนน้ำขุ่นวิทยา ต.ตาเกา อ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี จังหวัดได้ตั้งเป็นศูนย์อพยพให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เข้าพักอาศัยเป็นการชั่วคราว เพื่อรอดูสถานการณ์การปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารเขมรที่ปราสาทพระวิหาร
จังหวัดมีการนำหน่วยบรรเทาทุกข์ของกาชาดจังหวัดแจกเครื่องนุ่งห่ม อาหาร และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ได้ตั้งเต็นท์ให้บริการตรวจรักษาประชาชนที่มีอาการเจ็บป่วย
ทั้งนี้ ชาวบ้านที่อพยพมาอยู่ในศูนย์พักเพิงชั่วคราวเป็นประชาชนจาก 3 ตำบล ทั้งของ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และ อ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี มีจำนวนผู้อพยพทั้งสิ้นประมาณ 1,300 คน ส่วนสถานการณ์ที่ช่องอานม้า ต.โซง อ.น้ำยืน ซึ่งเป็นจุดที่ทหารไทยและกัมพูชา ตั้งฐานปฏิบัติการณ์อยู่คนละฝั่งเขา หน่วยทหารพรานจู่โจมที่ 964 กรมทหารพรานที่ 23 ได้สั่งปิดจุดผ่อนปรน ซึ่งปกติจะมีการค้าขายของชาวบ้านทั้งสองฝ่ายสัปดาห์ละ 2 วันไว้ก่อน เพื่อดูสถานการณ์ โดยในจุดนี้ไม่มีการสู้รบของทหารทั้งสองฝ่ายแต่อย่างใด
ด้านนายสุรพล สายพันธ์ ผวจ.อุบลราชธานี กล่าวว่า การอพยพประชาชนครั้งนี้ เป็นการป้องกันประชาชนที่อยู่ในเขตอันตรายให้ออกมาอยู่ในเขตปลอดภัย แม้ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ยังไม่เกิดการปะทะด้วยกำลังของทหารทั้งสองฝ่าย ส่วนผู้อพยพจะพักอยู่นานเท่าใด ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ส่วนการเตรียมความพร้อมของจังหวัด ได้สั่งการให้นายอำเภอที่มีพื้นที่อยู่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง 3 อำเภอ คือ อ.น้ำขุ่น อ.น้ำยืน และ อ.นาจะหลวย เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแล้ว
เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ (5 ก.พ.) ที่โรงเรียนน้ำขุ่นวิทยา ต.ตาเกา อ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี จังหวัดได้ตั้งเป็นศูนย์อพยพให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เข้าพักอาศัยเป็นการชั่วคราว เพื่อรอดูสถานการณ์การปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารเขมรที่ปราสาทพระวิหาร
จังหวัดมีการนำหน่วยบรรเทาทุกข์ของกาชาดจังหวัดแจกเครื่องนุ่งห่ม อาหาร และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ได้ตั้งเต็นท์ให้บริการตรวจรักษาประชาชนที่มีอาการเจ็บป่วย
ทั้งนี้ ชาวบ้านที่อพยพมาอยู่ในศูนย์พักเพิงชั่วคราวเป็นประชาชนจาก 3 ตำบล ทั้งของ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และ อ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี มีจำนวนผู้อพยพทั้งสิ้นประมาณ 1,300 คน ส่วนสถานการณ์ที่ช่องอานม้า ต.โซง อ.น้ำยืน ซึ่งเป็นจุดที่ทหารไทยและกัมพูชา ตั้งฐานปฏิบัติการณ์อยู่คนละฝั่งเขา หน่วยทหารพรานจู่โจมที่ 964 กรมทหารพรานที่ 23 ได้สั่งปิดจุดผ่อนปรน ซึ่งปกติจะมีการค้าขายของชาวบ้านทั้งสองฝ่ายสัปดาห์ละ 2 วันไว้ก่อน เพื่อดูสถานการณ์ โดยในจุดนี้ไม่มีการสู้รบของทหารทั้งสองฝ่ายแต่อย่างใด
ด้านนายสุรพล สายพันธ์ ผวจ.อุบลราชธานี กล่าวว่า การอพยพประชาชนครั้งนี้ เป็นการป้องกันประชาชนที่อยู่ในเขตอันตรายให้ออกมาอยู่ในเขตปลอดภัย แม้ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ยังไม่เกิดการปะทะด้วยกำลังของทหารทั้งสองฝ่าย ส่วนผู้อพยพจะพักอยู่นานเท่าใด ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ส่วนการเตรียมความพร้อมของจังหวัด ได้สั่งการให้นายอำเภอที่มีพื้นที่อยู่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง 3 อำเภอ คือ อ.น้ำขุ่น อ.น้ำยืน และ อ.นาจะหลวย เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแล้ว
