ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - พพ.จับมือสถาบันพลังงานนครพิงค์ ทำโครงการอนุรักษ์พลังงานให้ SMEs ภาคเหนือ ผอ.สำนักเผยผลลัพธ์ที่ผ่านมาน่าพอใจช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มาก ส่วนโครงการปี 54 เล็งขยายความรู้เพิ่ม พร้อมจับมืออาชีวศึกษาถ่ายทอดความรู้โรงงานใกล้สถาบัน
นายประมวล จันทร์พงษ์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “โครงการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วม โดยโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก เขตภาคเหนือ” ว่า โครงการดังกล่าวเกิดขึ้น เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการประหยัดพลังงานที่ถูกหยิบยกเป็นวาระแห่งชาติ รวมทั้งเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการให้สามารถบริหารจัดการธุรกิจ ในภาวะที่ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การดำเนินโครงการดังกล่าวในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งมีสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นผู้ดำเนินการ ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2550 โดยมีสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมดจำนวน 163 แห่ง สามารถประหยัดพลังงานคิดเป็นเงินได้ถึง 41.3 ล้านบาท
สำหรับการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2554 นายประมวล กล่าวว่า ได้มีการจัดการสัมมนาในหัวข้อ “หลักสูตรการจัดการพลังงานและการอนุรักษ์พลังงานแบบมีส่วนร่วมโดยโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก” ในระหว่างวันที่ 31 ม.ค.-2 ก.พ. 2554 มีโรงงานเข้าร่วมโครงการจำนวน 27 แห่ง
ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายว่า โรงงานแต่ละแห่งจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาทต่อปี โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์จะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงในการให้ความรู้และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ ใช้แนวทางการอนุรักษ์พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพ เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตและเกิดการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า อีกทั้งจะนำเอาความรู้แบละแนวทางการดำเนินงานของแต่ละโรงงานมาเผยแพร่ต่อไปยังกลุ่มโรงงานอื่นๆ ในอุตสาหกรรมประเภทเดียวกันที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการต่อไป
นอกจากนี้ สำนักส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานยังได้ประสานความร่วมมือกับสถาบันอาชีวศึกษา 100 แห่งในทุกภูมิภาคเพื่อสร้างระบบเครือข่ายในการอนุรักษ์พลังงาน โดยจะให้ทีมงานจากสถาบันอาชีวศึกษาเข้าไปช่วยให้คำปรึกษา และถ่ายทอดความรู้ด้านการประหยัดพลังงานให้กับโรงงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับสถาบันการศึกษาจำนวน 5 แห่ง ซึ่งนอกจากโรงงานในพื้นที่จะได้รับประโยชน์แล้ว สถาบันอาชีวศึกษาก็จะได้องค์ความรู้ใหม่ๆ มาใช้พัฒนาการเรียนการสอน รวมทั้งเสริมสร้างประสบการณ์แก่นักเรียนนักศึกษาอีกด้วย
