เชียงราย - นักโบราณคดี ม.ศิลปากร ถึงกับตะลึงเมื่อค้นพบทุ่งไหหินในไทยสองแห่ง - สุสานโบราณบนดอยแห่งแรกในอาเซียน ที่เชียงราย คาดอายุ 3-5 พันปีล่วงมาแล้ว
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ศาสตราจารย์สายันต์ ไพรชาญจิตร หัวหน้าทีมสำรวจและนักโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับนายสุนันท์ ขันทัง นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ป่าแดด อ.แม่สรวย ,นายเอี่ยม แถลงนิตย์ กำนัน ต.ป่าแดด พร้อมพระภิกษุและชาวบ้านได้ทำการสำรวจพื้นที่โบราณสถานตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งซ้าย และป่าสงวนแห่งชาติดอยเวียงผา พื้นที่หมู่บ้านเหล่าพัฒนา หมู่ 22 ต.ป่าแดด อ.แม่สรวย โดยห่างจากตัวหมู่บ้านประมาณ 3 กิโลเมตร
การสำรวจดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อเดือน ธ.ค.2553 ที่ผ่านมา ชาวบ้านได้ค้นพบว่าบริเวณดังกล่าวมีเศษหม้อ ไห ของใช้ ฯลฯ แตกกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก โดยแยกเป็น 2 แห่ง คือ บนดอยวง ซึ่งมีการค้นพบภาชนะต่างๆ เช่น ไห หม้อ ฯลฯ และดอยเวียง ห่างออกไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร พบหลุมศพจำนวนกว่า 300 หลุม
ผลสำรวจทางคณะได้สรุปว่า เป็นแหล่งโบราณคดียุคใหม่เรียกว่า Neolithic หรือ New Stone Age หรือยุคหินใหม่ ซึ่งมีอายุในช่วงเวลาประมาณ 3,000-5,000 ปีมาแล้ว โดยเป็นยุคที่มนุษย์เปลี่ยนแปลงชีวิตไปจากเดิม ที่เคยเป็นพรานล่าสัตว์เร่ร่อนและอาศัยอยู่ตามถ้ำ (ยุคหินเก่า-หินกลาง) มาอาศัยอยู่เป็นหลักแหล่ง
สำหรับหลุมที่พบเป็นสุสานโบราณ ที่มีลักษณะขุดดินลงไปและมีขอบโดยรอบวางสวมเอาไว้ลักษณะคล้ายไห โดยทำจากดินผสมดินทรายเผาคล้ายไหหินในทุ่งไหหิน ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในประเทศ สปป.ลาว มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้างประมาณ 3 คูณ 3 ฟุต ลึกประมาณ 130 เซนติเมตร แต่ละหลุมห่างกันประมาณ 1-3 เมตร แต่บางหลุมห่างกันกว่า 10-20 เมตร ภายในพบภาชนะต่างๆ คล้ายที่กับที่พบที่ดอยวง
ศาสตราจารย์สายันต์ กล่าวว่า สันนิษฐานว่าบริเวณดอยเวียง น่าจะเป็นที่อาศัยของมนุษย์ยุคหิน เพราะมีคูเมืองล้อมรอบ มีเครื่องมือหินขัด ภาชนะดินเผาเป็นจำนวนมาก ส่วนบริเวณดอยวง สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นสถานที่ฝังศพหรือเก็บกระดูก (อัฐิ) เมื่อมีคนตายจะนำศพหรือกระดูกมาเก็บไว้บนดอยวง มีการสร้างหลุมดินเผาไว้ แล้วนำภาชนะหรือของใช้คนตายบางอย่างมาใส่ไว้ คาดว่าหลุมดินเผานี้จะต้องผ่านความร้อนไม่ต่ำกว่า 1,200 องศา จึงทำให้ดินเผาอยู่ตัวได้
“ยังน่าแปลกว่าการค้นพบในประเทศไทย หรือแม้แต่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังไม่เคยพบหลักฐานว่ามีการนำศพหรือกระดูกมาบรรจุในหลุมดินเผาไว้บนดอยสูงแบบนี้มาก่อนหรือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่สันนิษฐานว่าน่ามาจากความเชื่อว่าการนำศพหรือกระดูกมาไว้บนดอยสูงก็เพื่อให้วิญญาณของผู้ตายไปสู่สวรรค์หรือใกล้ฟ้ามากที่สุด”
ศาสตราจารย์สายันต์กล่าวว่า สำหรับการบูรณะแหล่งโบราณสถานสุสานไหหินทั้ง 2 แห่งนี้ คงต้องขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อบต.ป่าแดด ฯลฯ เพื่อดำเนินการรวมทั้งร่วมกับชาวบ้านในการป้องกันการลักลอบขุดหาวัตถุโบราณอย่างเข้มงวดต่อไป
ด้าน นายสุนันท์กล่าวว่า การค้นพบสุสานไหหินแห่งใหม่นี้ทำให้ ต.ป่าแดด กลายเป็นแหล่งหลักฐานใหม่ทางโบราณคดี ซึ่งถือเป็นความน่าภูมิใจของชาว ต.ป่าแดด ที่มีบรรพบุรุษที่มีอารยธรรมและยังช่วยบ่งชี้ว่า ประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของชนชาติไทยเรานั้นไม่ได้อพยพมาจากไหนแต่เป็นผู้ที่ตั้งรกรากอยู่ ณ สถานที่ปัจจุบันนั่นเอง