สุรินทร์เปิดสัมมนาสมัชชาท้องถิ่นปฏิรูปอีสานใต้ - มุ่งลดเหลื่อมล้ำ สังคมไทยเป็นสุข

สุรินทร์ - คณะกรรมการสมัชชาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อการปฏิรูปภาคอีสานใต้ เปิดเวทีสัมมนาระดมความเห็นข้อเสนอแนะการปฏิรูป มุ่งเน้นสร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย และ การเข้าถึงบริการภาครัฐ-ท้องถิ่นอย่างเท่าเทียมเพื่อสังคมไทยเป็นสุข

วันนี้ (13 ม.ค.) ที่โรงแรมเพชรเกษม ห้องแกรนด์บอลรูม อ.เมือง จ.สุรินทร์ นายสมพร ใช้บางยาง ประธานคณะกรรมการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อการปฏิรูป เป็นประธานในการเปิดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ของ คณะกรรมการสมัชชาองค์กรปกครองส่วนถิ่นเพื่อการปฏิรูป ในส่วนของภาคอีสานใต้ ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา, บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ, ชัยภูมิ และ จ.อุบลราชธานี โดยมี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล, ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งเป็นคณะกรรมการสมัชชาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อการปฏิรูป เข้าสัมมนาในครั้งนี้กว่า 100 คน

นายสมพร ใช้บางยาง ประธานคณะกรรมการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อการปฏิรูป กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้จัดตั้งคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปภายใต้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิรูป พ.ศ.2553

โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย ในขบวนการนำสู่การปฏิรูปโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทำหน้าที่เป็นกลไกในการสนับสนุนภาคประชาชน คณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป จึงได้ตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อการปฏิรูปให้เป็นกลไกในการสร้างการมีส่วนร่วมขึ้น และคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปได้ร่วมกับและสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดจัดตั้ง สมัชชาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อการปฏิรูปขึ้นในส่วนส่วนภูมิภาค

ทั้งนี้ ได้มีการแยกกลุ่ม สัมมนา เพื่อให้สมาชิก ได้แสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ในการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมในสังคมให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เปิดให้สมาชิก ได้อภิปรายเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันถึงกระบวนการของสมัชชา และได้พิจารณาข้อเสนอ 4 ประเด็นหลัก คือ การจัดความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างท้องถิ่น-ภูมิภาค-ส่วนกลาง, การจัดการทรัพยากรมนุษย์ในชุมชน, การจัดการความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนกับท้องถิ่น, การเงินการคลังท้องถิ่นและการงบประมาณ

“การสัมมนาในครั้งนี้ได้ข้อสรุป แผนการในการสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย การเข้าถึงการให้บริการด้านการแพทย์ สาธารณสุข การศึกษา ให้แก่ประชาชนอย่างเท่าเทียมกันเพื่อสังคมไทยเป็นสุขต่อไป” นายสมพร กล่าว