น่าน - จับ 3 ชาวจีน ถือป้ายอ้าง “ถูกรถชน แม่ป่วย ลูกเล็ก เมียทิ้ง” ตระเวนเรี่ยไรขอเงินชาวบ้านได้เงินจำนวนมาก แต่เบื้องหลักพักโรงแรมอย่างดี ตม.ส่งดำเนินคดีและขึ้นบัญชีห้ามเข้าไทยอีก
วันนี้ (12 ม.ค.) พ.ต.ท.พงษ์พีระ การะเกตุ สว.ส.ทท.3 กก.4 บก.ทท, ร.ต.อ.ณัฐดนย์ พุ่มมาก, ร.ต.อ.สุชาติ อุตรชน รองสารวัตรตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดน่าน พร้อมกำลังสายตรวจ สภ.เมืองน่าน ได้ร่วมกันจับกุมตัวชาวชาวจีน 3 คน คือ MR.JINHUA LIU อายุ 52 ปี ตามหมายเลขหนังสือเดินทาง G 25217802, MR.DECCHAO HE อายุ 59 ปี ตามหมายเลขหนังสือเดินทาง G 30721938 และ MR.YURUI PENG อายุ 59 ปี ตามหมายเลขหนังสือเดินทาง G 37134498 ทั้งหมดมีสัญชาติจีน
การจับกุมครั้งนี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากประชาชน ว่า ขอให้ตรวจสอบชายกลุ่มหนึ่งลักษณะเหมือนชาวจีนตระเวนเรี่ยไรชาวบ้านบริเวณสถานีขนส่งจังหวัดน่าน และใกล้ศูนย์บริการท่องเที่ยวจังหวัดน่าน รวมถึงแหล่งที่นักท่องเที่ยวเที่ยวชมโบราณสถานต่างๆ โดยกลุ่มชายดังกล่าวมีพฤติกรรมลักษณะเหมือนเป็นใบ้พูดจาไม่ได้ ถือกระดาษขนาดเอ 4 มีขอความว่า
“ตัวฉันถูกรถชนบาดเจ็บ แม่ป่วยอยู่โรงพยาบาล ภรรยาหย่าแล้ว ทิ้งลูกเล็กไว้เป็นอยู่แร้นแค้น จึงวอนขอความเมตตาจากท่านช่วยเหลือ ขอบคุณ” และข้อความภาษาอังกฤษว่า “I WAS HAVE CAR ACCIDENT WIFE DIVORCE LIFE SUFFER PLASE HELP ME”
หลังจากควบคุมตัวไปสอบถามที่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง โดยมี นายโกเมนตร์ ภัทรสิทธิกุลชัย อาจารย์จากโรงเรียนซินจง เป็นล่ามในการสอบปากคำ จึงได้ทราบความจริงว่า ทั้ง 3 เป็นชาวจีนมาจากเมืองหูเป่ย เดินทางผ่านทางเมืองเชียงรุ่ง มณฑลหยุนหนัน เข้าชายแดนไทยที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2554 ที่ผ่านมา
จากนั้นได้ไปให้คนไทยเชื้อสายจีนที่เปิดร้านถ่ายเอกสารที่ จ.เชียงใหม่ ปรินซ์ข้อความดังกล่าวให้ แล้วตระเวนขอเงินที่จังหวัดเชียงใหม่อยู่หลายวัน จนทั่วตัวเมืองแล้ว จึงชวนกันมาตระเวนขอในพื้นที่จังหวัดน่านต่อ เพราะรู้ว่าจังหวัดน่านเป็นแหล่งที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยเดินทางมาจังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2554 และเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง และสายของวันนี้ (12 ม.ค.) ก็เริ่มออกเดินเรี่ยไร ยังไม่ทันได้เงินมากนัก ก็มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับเสียก่อน
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงนำตัวพร้อมของกลาง เป็นป้ายกระดาษข้อความ เงินจำนวนหนึ่ง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองน่าน ดำเนินคดี ในข้อหาทำการเรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต, หลอกลวงประชาชน นอกจากนี้ จะทำการขึ้นบัญชีเป็นบุคคลต้องห้าม ที่ห้ามเดินทางเข้าประเทศไทยต่อไป
วันนี้ (12 ม.ค.) พ.ต.ท.พงษ์พีระ การะเกตุ สว.ส.ทท.3 กก.4 บก.ทท, ร.ต.อ.ณัฐดนย์ พุ่มมาก, ร.ต.อ.สุชาติ อุตรชน รองสารวัตรตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดน่าน พร้อมกำลังสายตรวจ สภ.เมืองน่าน ได้ร่วมกันจับกุมตัวชาวชาวจีน 3 คน คือ MR.JINHUA LIU อายุ 52 ปี ตามหมายเลขหนังสือเดินทาง G 25217802, MR.DECCHAO HE อายุ 59 ปี ตามหมายเลขหนังสือเดินทาง G 30721938 และ MR.YURUI PENG อายุ 59 ปี ตามหมายเลขหนังสือเดินทาง G 37134498 ทั้งหมดมีสัญชาติจีน
การจับกุมครั้งนี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากประชาชน ว่า ขอให้ตรวจสอบชายกลุ่มหนึ่งลักษณะเหมือนชาวจีนตระเวนเรี่ยไรชาวบ้านบริเวณสถานีขนส่งจังหวัดน่าน และใกล้ศูนย์บริการท่องเที่ยวจังหวัดน่าน รวมถึงแหล่งที่นักท่องเที่ยวเที่ยวชมโบราณสถานต่างๆ โดยกลุ่มชายดังกล่าวมีพฤติกรรมลักษณะเหมือนเป็นใบ้พูดจาไม่ได้ ถือกระดาษขนาดเอ 4 มีขอความว่า
“ตัวฉันถูกรถชนบาดเจ็บ แม่ป่วยอยู่โรงพยาบาล ภรรยาหย่าแล้ว ทิ้งลูกเล็กไว้เป็นอยู่แร้นแค้น จึงวอนขอความเมตตาจากท่านช่วยเหลือ ขอบคุณ” และข้อความภาษาอังกฤษว่า “I WAS HAVE CAR ACCIDENT WIFE DIVORCE LIFE SUFFER PLASE HELP ME”
หลังจากควบคุมตัวไปสอบถามที่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง โดยมี นายโกเมนตร์ ภัทรสิทธิกุลชัย อาจารย์จากโรงเรียนซินจง เป็นล่ามในการสอบปากคำ จึงได้ทราบความจริงว่า ทั้ง 3 เป็นชาวจีนมาจากเมืองหูเป่ย เดินทางผ่านทางเมืองเชียงรุ่ง มณฑลหยุนหนัน เข้าชายแดนไทยที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2554 ที่ผ่านมา
จากนั้นได้ไปให้คนไทยเชื้อสายจีนที่เปิดร้านถ่ายเอกสารที่ จ.เชียงใหม่ ปรินซ์ข้อความดังกล่าวให้ แล้วตระเวนขอเงินที่จังหวัดเชียงใหม่อยู่หลายวัน จนทั่วตัวเมืองแล้ว จึงชวนกันมาตระเวนขอในพื้นที่จังหวัดน่านต่อ เพราะรู้ว่าจังหวัดน่านเป็นแหล่งที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยเดินทางมาจังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2554 และเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง และสายของวันนี้ (12 ม.ค.) ก็เริ่มออกเดินเรี่ยไร ยังไม่ทันได้เงินมากนัก ก็มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับเสียก่อน
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงนำตัวพร้อมของกลาง เป็นป้ายกระดาษข้อความ เงินจำนวนหนึ่ง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองน่าน ดำเนินคดี ในข้อหาทำการเรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต, หลอกลวงประชาชน นอกจากนี้ จะทำการขึ้นบัญชีเป็นบุคคลต้องห้าม ที่ห้ามเดินทางเข้าประเทศไทยต่อไป