ฉะเชิงเทรา - ระทึก! 3 คนงานลงซ่อมหารอยรั่วในถังแก๊สยักษ์ ทยอยไต่ลงไปหมดสติคาก้นถัง ขณะการช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างยากลำบาก เหตุจากปากทางเข้าเป็นเพียงป่องระบายก๊าซที่คับแคบจนไม่สามารถนำเครื่องมือและอุปกรณ์กู้ภัยลงไปใช้งานได้
วันนี้ (5 ม.ค.) เวลา 13.00 น.เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งจากท่าเทียบเรือเอกชนไม่มีชื่อแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ติดกับโรงน้ำมันของบริษัทไทยวา 2 ใกล้กับเชิงสะพานเทพหัสดิน พื้นที่ ม.3 ต.ท่าข้าม อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทราว่า ขอให้ส่งเจ้าหน้าที่มาให้การช่วยเหลือคนงาน 3 คน ซึ่งลงไปติดอยู่ภายในถังก๊าซขนาดใหญ่ หลังจากลงไปตรวจสอบหารอยรั่ว ภายในถังขนถ่ายก๊าซเก่า เพื่อทำการเชื่อมอุดรูรั่ว แต่คนงานทั้ง 3 คนได้เกิดอาการอ่อนแรงและหมดสติลงติดคาอยู่ภายในถังแก๊สยักษ์ดังกล่าว
ในที่เกิดเหตุเป็นท่าเทียบเรือที่ใช้โป๊ะโลหะผูกร้อยด้วยโซ่เชื่อมต่อกันเป็นสะพานแบบชั่วคราว ลักษณะคล้ายกับอู่จอดซ่อมเรือ และมีเรือทั้งขนาดกลาง และขนาดใหญ่แบบเดินสมุทร จอดเทียบท่าอยู่ประมาณ 7-8 ลำ ที่ฝั่งด้านซ้ายของโป๊ะนั้นมีถังบรรจุก๊าซเพื่อการขนถ่าย ก๊าซแอลพีจีขนาดใหญ่ (กระสวยขนก๊าซ) ซึ่งมีความจุประมาณ 3 แสนลิตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 เมตร ยาวประมาณ 30 เมตร ลอยอยู่ในน้ำ 2 ใบ ที่ปากป่องด้านข้างของถังใบแรกที่จอดลอยน้ำอยู่ด้านในนั้น มีช่องระบายก๊าซขนาดความกว้างประมาณ 60 ซม. ถูกเปิดฝาออก พร้อมกับมีสายเชื่อมแก๊ส และเชือกผูกโรยตัวหย่อนลงไปยังเบื้องล่างที่ก้นถังพาดไว้
เมื่อเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย และเจ้าหน้าที่จากเทศบาลตำบลท่าข้ามไปถึง ได้พบคนงานคนแรกซึ่งยังมีสติอยู่ แต่อยู่ในอาการอ่อนเพลีย เกาะตัวอยู่ที่ราวบันไดภายในถังที่ด้านบนใกล้ปากป่องของท่อ จึงได้ให้การช่วยเหลือขึ้นมาได้ก่อนเป็นคนแรก ทราบชื่อต่อมา คือ นายสมปรารถนา วิมลประภา อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72/1 ม.3 ต.บางกระเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ถูกนำตัวส่งไปยัง รพ.บางปะกง
และพบคนงานอีก 2 คน ยังอยู่ที่พื้นเบื้องล่างภายในก้นถัง คนแรกมีอาการหมดสตินอนอยู่ที่พื้น ทราบชื่อต่อมา คือ นายวัชระ จำพรต อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22/2 ม.3 ต.น้ำเต้า อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ส่วนคนที่ 2 คือ นายมะลิ จำพรต อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 159/33 ซ.ปลูกจิตต์ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. อยู่ในอาการอ่อนเพลียหมดแรงอยู่ที่พื้นก้นถังเช่นเดียวกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พยายามที่จะโรยตัวลงไป และหาวิธีการช่วยเหลือหลายครั้ง แต่ไม่สามารถทำได้อย่างสะดวก เนื่องจากภายในถังมีอากาศหายใจเพียงเบาบาง และที่บริเวณปากป่องมีพื้นที่คับแคบ ขนาดแค่ตัวคนรอดผ่านลงไปได้เท่านั้น จึงไม่สามารถที่จะนำเอาอุปกรณ์กู้ภัยลงไปให้การช่วยเหลือได้ โดยเจ้าหน้าที่ได้พยายามประสานขอความช่วยเหลือไปยังหลายหน่วยงาน ที่มีขีดความสามารถในการกู้ภัยในพื้นที่คับแคบ และอับอากาศได้ แต่ก็ล่าช้าเกินกว่าที่ผู้ประสบภัยจะทนรอการช่วยเหลืออยู่ได้ จึงทำให้นายมะลิซึ่งติดอยู่ที่ก้นถังหมดสติลงไปอีกคน
หลังเวลาผ่านไปนานเกือบ 2 ชม. จึงมีชาวบ้านและผู้เข้ามาดูเหตุการณ์ได้นำอวนตาข่ายมาดัดแปลงทำเป็นเปล จากนั้นได้ใช้เครนเกี่ยวหย่อนลงไปภายในถัง โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยใช้สายออกซิเจนเสียบปิดจมูกลงไปให้การช่วยเหลือ โดยใช้เปลดังกล่าวหิ้วตัวผู้หมดสติขึ้นมาได้สำเร็จทั้งสองคน ก่อนที่หน่วยกู้ชีพ รพ.บางปะกง จะให้การช่วยเหลือนำส่งไปยัง รพ.บางปะกง เพื่อทำการรักษาอาการต่อไป
โดยอาการขาดอากาศหายใจของนายมะลิ และนายสมปรารถนานั้น แพทย์ได้ให้นอนพักรักษาเพื่อรอดูอาการที่ รพ.บางปะกง ส่วนนายวัชระนั้นอาการสาหัส เนื่องจากขณะหมดสติได้พลัดตกลงไปจากที่สูงจนทำให้สะโพกหลุด แพทย์ได้ให้ส่งต่อไปทำการรักษายัง รพ.เมืองฉะเชิงเทราอีกทอดหนึ่ง
จากการสอบถามนายสุชาติ สุทธิมาลย์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 190 ม.12 ต.พวา อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ผู้จัดการท่าเทียบเรือดังกล่าว เปิดเผยว่า วันนี้ได้ให้คนงานทั้งสองคน คือ นายวัชระ และนายสมปรารถนานั้นลงไปทำการตรวจสอบหารอยรั่วภายในถังก๊าซ เพื่อทำการซ่อมแซม เชื่อมและอุดรูรั่ว เนื่องจากตนมีอาชีพรับจ้างกู้เรืออับปรางกลางทะเลทั่วอ่าวไทย จึงได้ไปซื้อถังก๊าซ LPG เก่าขนาดใหญ่ที่หมดอายุการใช้งานแล้ว มาไว้ใช้เป็นทุ่นลอยกู้เรือ เพื่อดันเรือที่จมอยู่ใต้น้ำให้ลอยขึ้นมาอยู่เหนือน้ำ จากการอัดอากาศเข้าไปภายในถังก๊าซดังกล่าวนี้
โดยที่คนงานทั้งสองคนนั้นได้รีบลงไปทำงานโดยที่ไม่ได้ทำการจัดเตรียมอุปกรณ์ เครื่องช่วยหายใจ หรือตรวจสอบก่อนว่า ภายในมีอากาศเพียงพอที่จะหายใจได้หรือไม่จึงทำให้เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้น ส่วนนายมะลินั้นเป็นพ่อลูกกันกับนายวัชระ เมื่อเห็นบุตรชายขาดอากาศหายใจหมดสติและตกลงไปยังก้นถังจึงได้พยายามที่จะโรยตัวลงไปให้การช่วยเหลือ แต่ก็เกิดอาการอ่อนแรง และหมดสติตามลงไปอีกคนหนึ่ง เหตุการณ์นี้จึงทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 คน
