ตราด - เทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว ร่วมกับสำนักงานอัยการจังหวัดพัทยา โดยสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน สาขาพัทยา (สคช.สาขาพัทยา)เปิดอบรมโครงการร่วมใจ คนไทยต้องไม่โกงฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ประจำปี 2553
วันนี้ (19 มี.ค.) นายเกษม โห้สุวรรณ นายกเทศมนตรีตำบลเกล็ดแก้ว อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ประธานเปิดอบรมโครงการร่วมใจคนไทยต้องไม่โกงฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ประจำปี 2553 ณ สโมสรสัญญาบัตร ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ
โดย นายพีรวุฒิ บุญวัติ ปลัดเทศบาล กล่าวว่าการอบรมได้รับความร่วมมือจาก สำนักงานอัยการจังหวัดพัทยา โดยสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน สาขาพัทยา (สคช.สาขาพัทยา) มาให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องการจัดซื้อ จัดจ้าง สัมปทาน และการทุจริตด้วยการทำลายระบบตรวจสอบอำนาจรัฐ และทุจริตเชิงนโยบาย การเปิดอบรม เพื่อเป็นการให้ความรู้ ความเข้าใจ ในระเบียบ กฎหมาย ที่เกี่ยวกับการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น เพื่อส่งเสริมให้ผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาเทศบาล พนักงานเทศบาล และพนักงานจ้างของเทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว
ตลอดจนผู้นำชุมชนและประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมกันรณรงค์และต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันอย่างสอดรับกับแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ประกอบกับเพื่อเป็นการกระตุ้นและสร้างจิตสำนึก ด้านคุณธรรม จริยธรรม รวมทั้งสร้างความตระหนักและค่านิยมที่ถูกต้องในสังคม “คนไทยต้องไม่โกง” ตลอดจนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และการประพฤติมิชอบในหน้าที่ราชการ
นายเกษม โห้สุวรรณ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว กล่าวว่า ประเทศไทยพบปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันมาโดยตลอด ตั้งแต่การเมืองในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับท้องถิ่น ทั้งข้าราชการฝ่ายพลเรือน ทหาร ตำรวจ และข้าราชการอื่นๆ ตลอดจนการทุจริตในภาคเอกชนซึ่งเข้ามาร่วมงานกับภาครัฐ โดยผลสรุปการสอบสวนและการศึกษาเรื่องทุจริตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาสอบสวน และศึกษาเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตของวุฒิสภา ได้แบ่งกรณีการทุจริตคอร์รัปชันเป็น 5 ประเภท
ได้แก่ การทุจริตคอร์รัปชันต่อตำแหน่งหน้าที่ การทุจริตในการจัดซื้อ จัดจ้าง การทุจริตในการให้สัมปทาน การทุจริตโดยการทำลายระบบตรวจสอบอำนาจรัฐ และการทุจริตเชิงนโยบาย โดยมี นายประวิทย์ ร้อยแก้ว อัยการพิเศษประจำกรม สำนักงานอัยการเขต 2 บรรยาย
การอบรมในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมการอบรม 3 ภาคส่วน ประกอบด้วย 1.ภาคนักการเมืองระดับท้องถิ่น 2 ภาคข้าราชการและเจ้าหน้าที่ 3 ภาคผู้นำชุมชุนและประชาชนในพื้นที่ จำนวนทั้งสิ้น 120 คน คาดหวังว่า ผู้เข้าร่วมการอบรมสามารถนำหลักความรู้ คุณธรรม และจริยธรรม ไปประกอบในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน และเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติราชการ ต่อไป