มหาสารคาม- ธ.ก.ส.มหาสารคาม พร้อมให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาภัยแล้ง และพืชผลการเกษตรได้รับความเสียหายเกินกว่า ร้อยละ 50
นายมงคล พรงาม ผู้อำนวยการสำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม เริ่มประสบปัญหาภัยแล้งในหลายพื้นที่ และคาดว่า ภัยแล้งจะยาวนานกว่าทุกปี เนื่องจากสภาวะโลกร้อน จากการติดตามสถานการณ์ล่าสุด พบว่า น้ำในอ่างเก็บน้ำและตามแหล่งน้ำธรรมชาติลดระดับลงอย่างรวดเร็ว ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทำการเกษตร
โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตรที่อาศัยน้ำจากอ่างเก็บน้ำ ทั้ง 17 แห่ง ที่มีปริมาณเก็บกักเหลือเพียง 47 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 47.12 ของปริมาณจุอ่าง 78 ล้านลูกบาศก์เมตร ลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว กว่า 3 ล้านลูกบาศก์เมตร
ประกอบกับปีนี้ชาวนาปลูกข้าวนาปรังรวมแล้ว กว่า 200,000 ไร่ และปลูกนอกเขตชลประทานเสี่ยงต่อภัยแล้ง กว่า 20,000 ไร่ ขณะเดียวกัน ช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีฝนตกเกษตรกรหลายรายเริ่มลงมือปลูกพืชไร่
แต่หากเกิดปัญหาฝนทิ้งช่วง หรือพื้นที่การเกษตรประสบภัยแล้งเสียหายเกินร้อยละ 50 ทาง ธ.ก.ส.จะเข้าไปสำรวจ และรายงานส่วนกลาง เพื่อขอความช่วยเหลือ และดำเนินการพักชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยไม่คิดดอกเบี้ย และจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ หากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้ต้องการเงินลงทุนก็ยังสามารถกู้เงินจากธนาคารนำไปลงทุนเพิ่มได้ตามปกติ โดยธนาคารพร้อมให้ความช่วยเหลือการประกอบอาชีพของเกษตรกรอย่างเต็มที่
นายมงคล พรงาม ผู้อำนวยการสำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม เริ่มประสบปัญหาภัยแล้งในหลายพื้นที่ และคาดว่า ภัยแล้งจะยาวนานกว่าทุกปี เนื่องจากสภาวะโลกร้อน จากการติดตามสถานการณ์ล่าสุด พบว่า น้ำในอ่างเก็บน้ำและตามแหล่งน้ำธรรมชาติลดระดับลงอย่างรวดเร็ว ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทำการเกษตร
โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตรที่อาศัยน้ำจากอ่างเก็บน้ำ ทั้ง 17 แห่ง ที่มีปริมาณเก็บกักเหลือเพียง 47 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 47.12 ของปริมาณจุอ่าง 78 ล้านลูกบาศก์เมตร ลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว กว่า 3 ล้านลูกบาศก์เมตร
ประกอบกับปีนี้ชาวนาปลูกข้าวนาปรังรวมแล้ว กว่า 200,000 ไร่ และปลูกนอกเขตชลประทานเสี่ยงต่อภัยแล้ง กว่า 20,000 ไร่ ขณะเดียวกัน ช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีฝนตกเกษตรกรหลายรายเริ่มลงมือปลูกพืชไร่
แต่หากเกิดปัญหาฝนทิ้งช่วง หรือพื้นที่การเกษตรประสบภัยแล้งเสียหายเกินร้อยละ 50 ทาง ธ.ก.ส.จะเข้าไปสำรวจ และรายงานส่วนกลาง เพื่อขอความช่วยเหลือ และดำเนินการพักชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยไม่คิดดอกเบี้ย และจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ หากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้ต้องการเงินลงทุนก็ยังสามารถกู้เงินจากธนาคารนำไปลงทุนเพิ่มได้ตามปกติ โดยธนาคารพร้อมให้ความช่วยเหลือการประกอบอาชีพของเกษตรกรอย่างเต็มที่
