แพร่ - วัฒนธรรมเผาไร่ส่งผลถึงสุขภาพคนทั่วเมืองแพร่แล้ว แม้คุณภาพอากาศยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ทำให้ประชาชนทั่วไปต้องเดินเข้า รพ.แล้วเกือบสองหมื่นราย
รายงานข่าวจากจังหวัดแพร่ แจ้งว่า แม้ท้องที่จังหวัดแพร่คุณภาพอากาศ-ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (PM10) จะยังไม่เกินเกณฑ์มาตรฐานก็ตาม แต่ก็เริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนแล้ว เนื่องจากฝุ่นควันเหนือเมืองแพร่ เพิ่มความหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการเผาไร่และลุกลามเข้าสู่พื้นที่ป่าจนไม่สามารถควบคุมได้ มีการลุกไหม้เป็นบริเวณกว้างในทุกอำเภอของจังหวัดแพร่
แม้นายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ จะเรียกเจ้าหน้าที่สังกัดกรมป่าไม้ และกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หน่วยดับไฟป่า และนายอำเภอทุกอำเภอเข้าประชุมหาแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การกำหนดความรับผิดชอบแบ่งออกเป็น 16 โซน เพื่อทำการควบคุมไฟป่าอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกำหนดโทษสำหรับข้าราชการที่ละเลยหน้าที่ แต่ปรากฏว่าประกาศจังหวัดแพร่ในการแก้ปัญหาไฟป่าก็ยังไร้ผลเหมือนเดิม ไฟป่ายังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้มีผู้ป่วยจากปัญหาหมอกควันเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์อำเภอต่างๆ และโรงพยาบาลแพร่ แล้วเกือบสองหมื่นรายแล้วในขณะนี้
นายแพทย์สุรินทร์ สุมนาพันธ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแพร่ กล่าวว่า จากปัญหาหมอกควันไฟป่าที่เกิดขึ้นในจังหวัดแพร่ เข้าสู่ความรุนแรงระดับหนึ่งแล้ว ถึงแม้ว่าสภาพอากาศจะยังดีกว่า ในจังหวัดอื่นๆ ของภาคเหนือก็ตาม แต่พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากหมอกควันเป็นโรคระบบทางเดินหายใจส่วนบน สถิติล่าสุดมีผู้ป่วยด้วยโรคดังกล่าวในจังหวัดแพร่จำนวน 19,555 รายแล้ว ซึ่งน่าห่วงว่าจากนี้ไปเป็นช่วงที่เกษตรกรเริ่มเผาพื้นที่เกษตรกรรมมากขึ้น
นายแพทย์สุรินทร์กล่าวด้วยว่า ถ้าไม่สามารถควบคุมไฟป่าได้ ประชาชนต้องหันมาดูแลตัวเอง ซึ่งถ้าพบว่ามีอาการดังต่อไปนี้จะต้องมาพบแพทย์ คือเริ่มรู้สึก หายใจลำบาก เสียงแหบ ไอแห้ง แสบจมูก แสบคอ แสบตา น้ำตาไหล ตาพร่ามัวชีพจรเต้นเร็ว เหนื่อยง่าย หอบหืด คันตามร่างกาย ซึ่งถ้าพบอาการดังกล่าวควรเข้าพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยเร่งด่วน และผู้ที่ต้องเผชิญกับหมอกควันสามารถใช้หน้ากากอนามัย ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีระดับหนึ่ง