xs
xsm
sm
md
lg

นักวิชาการติง “เสื้อแดง-ส.ว.” ตกรุ่นกดดันยุบสภายังไม่ใช่ทางออก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ฉะเชิงเทรา - นักวิชาการติงกลุ่มคนที่เรียกร้องให้ยุบสภาในเวลานี้ ระบุยังไม่ใช่ทางออก เพราะยังไม่ถึงเวลา แนะให้แก้ปัญหาคุยกันให้จบก่อน โดยหันหน้าร่วมมือหาทางออกด้วยสันติวิธี พร้อมเรียกร้องให้กลุ่มคนไม่มีสี แสดงพลังเป็นสัญลักษณ์ ที่ไม่ต้องการความรุนแรง เผยหากคนไทยฝ่าฟันจนผ่านพ้นวิกฤติทางการเมืองในหนนี้ไปได้ ประชาธิปไตยไทยจะเบ่งบาน พัฒนาไปได้อย่างก้าวกระโดด

ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงกรณี ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนบางกลุ่ม เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ทั้งการเคลื่อนไหวของแกนนำคนเสื้อแดง เช่น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ได้ประกาศเรียกร้องกดดันให้รัฐบาลยุบสภา ภายในวันที่ 14 มี.ค.นี้ เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน และให้มีการเลือกตั้งใหม่ รวมถึงการเรียกร้องของ นางประทีป อึ้งทรงธรรม อดีต ส.ว.กรุงเทพฯ จากเวทีเสวนา เรื่อง “ทางออกประเทศไทย” ของกลุ่ม อดีต ส.ว.ที่โรงแรมเรดิสัน เมื่อวานนี้ (10 มี.ค.) นั้น ว่า การยุบสภายังไม่ใช่ทางออกของประเทศไทย ในเวลานี้

เนื่องจากหากมีการยุบสภาขึ้นมาจริงๆ โดยที่ยังไม่ได้มีการพูดคุย หรือทำข้อตกลง ทำกติกากันเสียใหม่ ปัญหาก็จะยังไม่จบ เมื่อมีการเลือกตั้ง ต่างฝ่ายต่างก็ยังไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน หรือหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเข้าไปหาเสียงในพื้นที่ของอีกฝ่ายหนึ่ง จะทำกันอย่างไร ก็อาจทำไม่ได้ ทางที่ดีที่สุดในขณะนี้ทุกฝ่ายที่มีความขัดแย้ง และผู้ที่เกี่ยวข้อง จะต้องหันหน้าเข้ามาพูดคุยกันก่อน เพื่อหาทางออก จึงจะสามารถยุบสภาได้ เพื่อให้การเลือกตั้งในครั้งใหม่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย

ส่วนการเคลื่อนไหวมาชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่ 14 มี.ค.นี้นั้น ต้องระวังไม่ให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น โดยอยากเรียกร้องให้กลุ่มพลังสังคม หรือประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว ร่วมกันแสดงออกถึงความไม่ต้องการความรุนแรง ด้วยทำสัญลักษณ์ ติดธงชาติไว้ที่หน้าบ้าน รวมทั้งการสวมใส่เสื้อสีขาว หรือการส่งเอสเอ็มเอส ขึ้นหน้าจอโทรทัศน์ หรือทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อสื่อออกมาให้เห็นว่าสังคมส่วนใหญ่นั้น ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้นในบ้านเมือง

หากสังคมยังนิ่งเฉย ก็อาจเกิดความรุนแรงขึ้นได้ จนอาจลุกลามกลายเป็นการนองเลือด และจะทำให้ประเทศชาติ ยิ่งถอยหลังกลับไปอีกหลายปี ซึ่งในบางประเทศปัญหาการเมืองลุกลามไปจนถึงขั้นสิ้นชาติเลยก็มี

ซึ่งหากสามารถเจรจา หรือหาข้อยุติ ตกลงกันได้จนเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายแล้ว เชื่อว่าการพัฒนาประชาธิปไตยของไทย จะมีความก้าวหน้า พัฒนาไปได้อย่างก้าวกระโดด เนื่องจากประเทศของเรา เคยผ่านประสบการณ์ทางการเมืองมายาวนาน มีบทเรียนเป็นทุนเดิมมาหลายครั้ง ขณะนี้จึงอยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้ามาคุยกัน มากกว่าการที่จะออกมาเคลื่อนไหวด้วยวิธีอื่น ซึ่งหากทุกฝ่ายร่วมกันแก้ปัญหาให้จบลงได้อย่างมีสติ จนสามารถตกลงกันได้แล้ว เชื่อว่าปัญหาการเมืองไทยจะจบลงได้หลังจากการเลือกตั้งครั้งใหม่

ขณะนี้จึงอยากเรียกร้องว่า อย่าคิดเอาแต่ในส่วนของตัวเอง ไม่พอใจอะไรก็ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้อง ให้เอาส่วนรวมของประเทศเป็นที่ตั้ง วางในส่วนของตัวเองลง เพื่อหาทางออกว่าจะแก้ปัญหากันอย่างไรมากกว่า โดยในการเลือกตั้งครั้งหน้าอาจจะมีข้อตกลงกันว่า ให้ทุกฝ่ายเข้าไปหาเสียงในเขตพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างเสรี แล้วใครชนะแล้วก็ขอให้จบ ปล่อยให้ผู้ได้เสียงข้างมากบริหารประเทศต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น