รายงาน
โดย...แสงตะวัน
ปีนี้โหรหลายสำนักฟันธงตรงกันว่าเป็น “ปีเสือดุ” ซึ่งหากพิจารณาจากสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ก็ถือว่า การพยากรณ์ดังกล่าวมีเค้าลางอยู่ไม่น้อย เพราะมีสัญญาณหลายอย่างที่เห็นชัดเจนว่าปีเก่าที่ว่าสาหัสแล้ว อาจจะไม่หนักหน่วงและรุนแรงเท่ากับปีนี้
ด้วยเงื่อนไข “ผู้ถือดุลอำนาจ” ที่มีการหยิบยกมาอ้างเพื่อหาทางออกให้กับ นช.ทักษิณ ชินวัตร
มีปมประเด็นอะไรบ้างที่จะเป็นสาเหตุแห่งความรุนแรง จนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้รัฐบาลมิอาจก้าวข้ามปีเสือไปสู่ปีเถาะได้
ประเด็นหลักคือ เสือเจ็บอย่าง นช.แม้ว แทนที่จะหลบเลียแผลในป่าลึก เฉกเช่นเสือโดยทั่วไป กลับลดค่า ตีราคาเหลือแค่หมาจนตรอก แว้งกลับมากัดคนไม่เลือกหน้า แม้แต่ประเทศบ้านเกิดของตัวเองก็ไม่เว้น
จึงเชื่อได้เลยว่า นับจากวินาทีแรกของปีเสือ ซึ่ง นช.แม้ว อ้างว่าเป็นปีของตัวเองนั้น จะมีการระดมสรรพกำลังป่วนชาติอย่างเต็มที่
เพื่อจับประเทศและประชาชนเป็นตัวประกัน ข่มขู่ให้คืนสถานภาพทุกอย่างของตัวเองกลับสู่ภาวะก่อน 19 กันยายน 49
โดยมีการอ้างเงื่อนไขสำคัญบางเรื่อง ให้ทั้งพรรคร่วมรัฐบาล และฝ่ายต่าง ๆ ในบ้านเมืองหันหัวเรือกลับไปในทิศทางที่ นช.แม้ว ต้องการ แถมยังมีการปูพรมซื้อใจพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคไปบ้างแล้ว แต่ที่การหว่านดังกล่าวยังไม่ออกดอก ออกผล ในตอนนี้ ก็เพราะบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลล้วนเป็น
เซียนป๊อกเด้ง
อะไรที่ได้เด้งเดียวมันน้อยเกินไป จึงขอรอเก็บเกี่ยวประโยชน์จากความเป็นรัฐบาลให้หนำใจก่อน แล้วค่อยเด้งออกพร้อมกับรับเด้งใหญ่จาก นช.แม้ว อีกรอบ
คำนวณแล้วตามวิธีการนี้พรรคร่วมรัฐบาลที่คิดแต่ประโยชน์ตัวเอง ก็จะได้ถึงสามเด้งด้วยกัน
ศึกภายนอกที่ว่าหนักไม่ว่าจะเป็นคนเสื้อแดง การกดดันของกัมพูชา หรือการตีรวนของพรรคเพื่อไทยในสภา ยังไม่น่ากังวลเท่ากับ
ศึกภายในพรรคร่วมรัฐบาล ที่เริ่มก่อตัวให้เห็นแล้วจากปมการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
2 ประเด็นที่บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลต้องการให้แก้ไข คือ มาตรา 190 และระบบเลือกตั้งให้เป็นแบบเขตเดียวเบอร์เดียว และบีบบังคับให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องร่วมยกมือโหวตให้ ทั้งที่การนำเสนอทำในนามพรรคการเมืองยื่นเข้าสู่สภา โดยที่รัฐบาลมิได้เป็นเจ้าภาพ
จึงเป็นสิ่งที่น่าจับตายิ่งว่า แท้จริงแล้วที่บีบให้ประชาธิปัตย์ต้องร่วมหัวจมท้ายด้วยนั้นเป็นเพราะหวังผลเพียงแค่ชัยชนะได้แก้ไขในสองมาตรานี้เท่านั้น หรือเป็นเพราะต้องการให้เกิดเป็นเงื่อนไขความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล จนนำไปสู่
การแยกตัวไปจับมือกับ “พรรคเพื่อไทย” ฉีก “รธน.ปี 50” แล้วนำรธน.ปี 40 กลับมาใช้ เพื่อ “นิรโทษกรรม”ให้ นช.แม้ว ใช่หรือไม่ ?
สอดรับกับสิ่งที่ ชัย ชิดชอบ ตลกเฒ่าร้อยเล่ห์ ออกมาระบุให้ นช.แม้วอยู่เฉยๆ รอการนิรโทษกรรม ? ถือเป็นปริศนาที่น่าขบคิด ซึ่งหากพิจารณาจากสภาพความเป็นจริงในสภาจะเห็นได้ว่า ไม่ไกลเกินเอื้อมที่จะทำเช่นนั้น โดยมิจำเป็นต้องออกกฎหมายนิรโทษกรรมเลยด้วยซ้ำ
เพียงแค่ ตลกเฒ่าฯ ในฐานะประธานรัฐสภาหยิบยกเอา ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเหวง โตจิราการ มาพิจารณาเท่านั้น ความวุ่นวายในสภาก็จะเกิดขึ้นทันที
แน่นอนว่า พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีจุดยืนชัดเจนคัดค้านเรื่องนี้ ย่อมไม่เล่นด้วย แต่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นล่ะ จะมั่นใจได้หรือ
อย่าลืมประเด็นที่เล่าไปในตอนต้นว่า มีการปูพรมหว่านไปแล้วกับทุกพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงสมาชิกวุฒิสภาบางส่วนด้วย เพียงแต่ว่าคนเหล่านั้นก็ยังไม่ตกผลึกว่า ถ้ายอมตอบแทน ปัจจัยที่ได้รับมา ด้วยการดึงบ้านเมืองกลับไปสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง
ฉีก รธน.ปี 50 ทิ้ง แล้วที่ยืนในสังคมของพวกตัวเองหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร
เพราะทุกคนรู้ดีว่า การกระทำดังกล่าวจะนำประเทศย้อนกลับไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น ถึงขั้นขับเคลื่อนต่อไม่ได้ เพราะคงมิได้มีเพียงแค่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่จะออกมาคัดค้าน แต่ประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วยกับการทำลายความถูกต้องของบ้านเมือง เพียงเพื่อให้คน ๆ เดียวพ้นผิด
ที่สำคัญหากยอมเดินหน้าตามเกมของ นช.แม้ว ก็เท่ากับผลักประชาชนให้ต้องเผชิญหน้ากัน คือ เมื่อคนเสื้อเหลืองออกมาคัดค้าน ก็ย่อมมีมวลชนเสื้อแดงออกมาปะทะ โดยมีสีน้ำเงินเป็นตัวสอดแทรก ที่สุดก็หนีไม่พ้นการนองเลือด
เป็นเงื่อนไขให้เกิดการกวาดล้างครั้งใหญ่ นำประเทศชาติไปสู่ระบบประชาธิปไตยในคราบไคลของเผด็จการ
ปีเสือดุปีนี้ ภาระหนักจึงตกอยู่บนบ่าของ “อภิสิทธิ์” อีกครั้ง ที่ต้องแสดงภาวะผู้นำที่ไม่แข็งกร้าวจนเกินไป แต่ต้องไม่อ่อนข้อกับความไม่ถูกต้อง และการข่มขู่ของพรรคร่วมรัฐบาล
แม้ว่า สุดท้ายอาจต้องยุติการเป็นรัฐบาลด้วยการยุบสภาก็ตาม
แต่การยุบสภาก็ยังมิใช่การแก้ปัญหา เพียงแต่ประคองสถานการณ์มิให้บ้านเมืองไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงจนเกิดการปะทะระหว่างประชาชนเท่านั้น
คำตอบสุดท้ายที่จะหยุดมิให้เสือที่บ้า และดุมาขย้ำทำร้ายประเทศไทยได้ คือ ประชาชนคนไทยทั้งหมด ต้องตัดสินใจเลือกอนาคตตัวเอง และประเทศชาติด้วยการหย่อนบัตรลงคะแนนให้คนดีเข้ามาบริหารบ้านเมือง
เลือกเอาว่าจะนิรโทษกรรมให้ นช.แม้ว กลับมาเผยอหน้าในสังคมไทยอย่างไร้ความผิด หรือจะเลือกรักษาหลักนิติรัฐ และผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่เอาไว้ แล้วร่วมกันก้าวข้าม นช.แม้วไปสู่ความมั่นคงในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขด้วยกัน
ถ้าสังคมไทยก้าวพ้นเรื่องนี้ไปได้ โดยใช้ระบบที่มีอยู่เปลี่ยนแปลง ย่อมหมายความว่า ประชาธิปไตยไทยพัฒนาขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง อย่างเข้มแข็ง และมีวุฒิภาวะยิ่ง