ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “ผบช.ภาค 3” เผยพบการเคลื่อนไหวเสื้อแดงอีสานหลายพื้นที่ช่วงใกล้ถึงวันตัดสินยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน “นช.แม้ว ” ระบุ 5 จังหวัดอีสานล่างน่าห่วง คาดหลังตัดสินคดียึดทรัพย์เหตุการณ์จะรุนแรงมากขึ้น ต้องประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวัน แดงอีสานเตรียมนัดชุมนุมใหญ่ที่โคราช 28 ก.พ.นี้ สั่งตำรวจจัดกำลังชุดควบคุมฝูงชน-นปพ.-ตร.หญิง ร่วม 1,000 นายพร้อมรับมือ
วันนี้ (24 ก.พ.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) เปิดเผยถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ 8 จังหวัดอีสานตอนล่าง ว่า ล่าสุดจนถึงขณะนี้มีการเคลื่อนไหวในหลายพื้นที่ โดยเมื่อวานนี้ มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 3,000 คน นัดชุมนุมกันที่ อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร ซึ่งมีการจัดเวทีปราศรัยโดยแกนนำสลับขึ้นเวทีพร้อมการแสดงดนตรีและได้สลายการชุมนุมไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนที่ จ.นครราชสีมา นั้นเป็นจังหวัดเป้าหมายที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะนัดชุมนุมกัน ซึ่งทางการข่าวเบื้องต้นทราบว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจากภาคอีสานจะเดินทางโดยรถยนต์ส่วนบุคคล มารวมตัวกันที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ในวันที่ 28 ก.พ.นี้ ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากจะประเมินสถานการณ์จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการก่อเหตุรุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด การชุมนุมยังอยู่ในกรอบของกฎหมาย ที่ตำรวจสามารถดูแลได้
พล.ต.ท.เดชาวัต กล่าวอีกว่า จังหวัดที่น่าเป็นห่วงและพบการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงมากคือ จ.นครราชสีมา,อุบลราชธานี, สุรินทร์, ยโสธร และ ศรีสะเกษ ส่วนจังหวัดที่พบการเคลื่อนไหวน้อยที่สุดคือ จ.บุรีรัมย์และอำนาจเจริญ ซึ่งคาดว่าหลังการตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 26 ก.พ.นี้การเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนจะมีความชัดเจนและมีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ต้องประเมินสถานการณ์วันต่อวันคาดการณ์อะไรล่วงหน้านานไม่ได้
ส่วนที่มีข่าวว่า มีกองกำลังติดอาวุธจากชายแดนเข้ามาร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น จากการตรวจสอบไม่พบกลุ่มกองกำลังฯ ดังกล่าวเลย การชุมนุมแต่ละพื้นที่จะเป็นประชาชนที่อยู่ในพื้นที่นั้นๆ มารวมตัวกันชุมนุม ไม่มีคนต่างถิ่นเข้าไป
สำหรับการเตรียมความพร้อมกำลังตำรวจในการรับมือการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะจ.นครราชสีมา ได้มีการจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว โดยเป็นเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนจำนวน 6 กองร้อยรวม 900 นาย , หน่วยปฏิบัติการพิเศษอีก 1 หมวด จำนวน 50 นาย และตำรวจหญิงอีก 1 หมู่จำนวน 30 นาย หากไม่เพียงพอจะร้องขอไปยังจังหวัดใกล้เคียงเข้ามาปฏิบัติงานช่วย คาดว่าตำรวจจะควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้
“ขณะเดียวกันได้มีการประสานทหารของกองทัพภาคที่ 2 ไว้แล้วในการขอกำลังมาเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานแต่สถานการณ์จนถึงขณะนี้เป็นเพียงขั้นที่ 1 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลได้ไม่ถึงขั้นต้องร้องขอทหารเข้ามาช่วย” พล.ต.ท.เดชาวัต กล่าว
ทางด้านมาตรการตั้งด่านตรวจบนถนนสายหลักนั้น เจ้าหน้าที่ได้ตั้งด่านตรวจมานานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว ยังไม่พบการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ที่ผิดปกติ โดยด่านตรวจดังกล่าวจะเน้นการตรวจอาวุธ และสิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ สำหรับการดูแลสถานที่ราชการ สถานที่สำคัญ บ้านพักบุคคลสำคัญ ให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครองจัดเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) เข้าไปประจำอยู่ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจะเพิ่มความถี่ในการตรวจตรามากขึ้นเน้นหลังเวลาเลิกงาน เพื่อป้องกันการก่อความไม่สงบของผู้ไม่หวังดี พล.ต.ท.เดชาวัต กล่าวในตอนท้าย
