ตร.เชียงรายซ้อมคุมฝูงชน-ผู้การฯ ยันทำผิดจับหมดไม่เว้น

เชียงราย - รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่าวันนี้ (20 ก.พ.) ณ สนามฝูงบิน 416 อ.เมืองเชียงราย พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก..ภ.เชียงราย ได้ระดมกองกำลังผสมระหว่างตำรวจ และ สารวัตรทหาร รวมจำนวนกว่า 540 นาย จัดแบ่งออกเป็น 3 กองร้อย พร้อมรถพยาบาล 1 คัน รถน้ำดับเพลิง 3 คัน และรถยกกระเช้าอีก 1 คัน ร่วมฝึกซ้อมควบคุมฝูงชน ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมได้จัดเตรียมเอาไว้ในจำนวนใกล้เคียงกันเพื่อให้สมจริง วัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมในการควบคุมฝูงชน

โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชุมนุมที่อาจจะก่อความไม่สงบและความรุนแรงกับบ้านเมือง ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่โดยเฉพาะการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะมีขึ้นในช่วงวันที่ 26 ก.พ. เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงอย่างคึกคักมาโดยตลอด และในเหตุการณ์เดือน เม.ย.2552 ที่ผ่านมาก็เคยก่อเหตุปิดถนนในพื้นที่เชียงรายควบคู่เหตุการณ์ที่กรุงเทพฯ มาแล้ว

สำหรับการฝึกซ้อมในครั้งนี้เป็นการจำลองเหตุการณ์ว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงซึ่งเคยชุมนุมกันตามปกติ ได้เกิดลุกฮือขึ้นไปปิดล้อมศาลากลาง จ.เชียงราย จนทำให้เจ้าหน้าที่ของทางราชการไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติและประชาชนไม่สามารถเข้าไปติดต่อราชการได้ด้วย ดังนั้นชุดเจ้าหน้าที่ซึ่งประกอบไปด้วยฝ่ายต่างๆ ดังกล่าว จึงได้ใช้กำลังเข้าไปควบคุมดูแลไม่ให้ก่อความรุนแรงอย่างเป็นขั้นตอน โดยขั้นตอนแรกส่งชุดกองร้อยตำรวจที่ 1 เข้าไปใช้แผงเหล็กเข้าสกัดกั้น
กระนั้นก็ได้จำลองเหตุการณ์อีกว่ายังไม่สามารถทานกำลังกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีเป็นจำนวนมากได้ ดังนั้นจึงได้มีการส่งชุดกองร้อยตำรวจที่ 2 เข้าไปใช้โล่กำบังเพื่อควบคุมฝูงชนอีก ท้ายที่สุดถึงขั้นต้องใช้รถดับเพลิงและฉีดน้ำรวมทั้งใช้แก๊สน้ำตา รวมไปถึงประสานของกำลังสารวัตรทหารและตำรวจหญิงเข้าไปช่วยเหลือตำรวจจนประสบความสำเร็จในเรื่องการควบคุมฝูงชนไม่ให้ก่อเหตุรุนแรงได้อีก

พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.ภ.เชียงราย กล่าวว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งตำรวจ จ.เชียงราย ยืนยันว่ามีความพร้อมในการเข้าควบคุมรักษาความสงบสุข ไม่ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นกับบ้านเมือง และนอกจากกำลังชุดนี้แล้ว ยังได้สั่งการให้ต้องจัดเวรยามเฝ้าระวังเอาไว้ตลอดเวลา ทั้งนี้ที่ผ่านมาหากพบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมที่กระทำผิดกฎหมาย เช่น การปิดถนน ฯลฯ จนทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในการสัญจร ตำรวจจะดำเนินคดีกับแกนนำที่ออกมาเคลื่อนไหวทุกรายซึ่งปรากฎเป็นหลักฐานและข่าวให้ได้เห็นชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นหากต้องเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้นก็จะดำเนินการในมาตรฐานเดียวกันต่อไป.