“แม้ว-อีเพ็ญ” โฟนอินปลุกระดมคนเชียงรายสู้ อุ้มกลับปท. ยังไม่เลิกด้าน อ้างปชต.บังหน้า

เชียงราย – “แม้ว – อีเพ็ญ” โฟนอินปลุกระดมคนเสื้อแดงเชียงราย คร่ำครวญถูกยึดทรัพย์ที่หามาทั้งชีวิต ถูกฝ่ายตรงข้ามจ้องทำลาย เรียกร้องให้ชาวบ้านออกมาสู้ อุ้มกลับขึ้นสู่อำนาจอีกครั้งตามเคย โดยใช้ข้อเรียกร้องเรื่องประชาธิปไตยบังหน้าเหมือนเดิม

รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่าค่ำวานนี้ (13 ก.พ.) กลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ อ.เวียงป่าเป้า นำโดยนายสาคร สมยศ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงเวียงป่าเป้า และเป็นคนสนิทของนายถาวร ตรีรัตน์ณรงค์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ระบบสัดส่วนภาคเหนือ พรรคเพื่อไทย ได้จัดเวทีปราศรัยขึ้นที่บริเวณปากทางเข้าหมู่บ้านทุ่งห้า หมู่ 2 ต.สันสลี อ.เวียงป่าเป้า ปลุกระดมมวลชนให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับเรียกร้องประชาธิปไตย แต่แท้ที่จริงคือการช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี-นักโทษคดีอาญาแผ่นดินให้พ้นผิด กลับมามีอำนาจ รวมทั้งเป็นสัญญาณข่มขู่เพื่อทวงคืนเงินจำนวน 76,000 ล้านบาท ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกำลังตัดสินคดีในวันที่ 26 ก.พ.นี้

โดยการจัดเวทีดังกล่าวพบว่า มีมวลชนหัวคะแนนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคเพื่อไทย ในพื้นที่ เข้าร่วมประมาณ 250 คน ซึ่งจำนวนดังกล่าวรวมไปถึงคนเสื้อแดงจากพื้นที่ต่างๆ เช่น อ.แม่สรวย อ.เมือง อ.แม่ลาว อ.พาน รวมไปถึง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จากกลุ่มเชียงใหม่ 51 ส่วนแกนนำหลักในพื้นที่เชียงราย ที่เดินทางไปร่วมก็มีหลายคน เช่น นายออด สุขตะโก จากชมรมคนรักทักษิณ ,นายณรงค์ ทิพย์นวล และนายจิระโชติ อุ่นนะ จากกลุ่ม นปช.เชียงราย 52 ฯลฯ

ช่วงแรกของการจัดเวทีครั้งนี้นายสาคร ก็ลอกเลียนแบบแกนนำคนอื่นๆ ก่อนหน้านี้ด้วยการขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาลและระบบอำมาตย์ โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กำลังจะมีการตัดสิน โดยกล่าวหาว่า ที่ผ่านมาเกิดระบบยุติธรรมสองมาตรฐาน จึงเรียกร้องให้คนเสื้อแดงลุกขึ้นสู้ จากนั้นก็ออกโรงชื่นชมนายใหญ่คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปต่างๆ นานา

จากนั้นก็มีการโฟนอินจากแกนนำที่หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ ซึ่งปรากฏว่า ผู้ที่โฟนอินคนแรกเข้าไปกลับไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่คือเสียงของนายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีหมิ่นเบื้องสูงโดยไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

โดยนายจักรภพ เรียกร้องให้คนเสื้อแดงออกมาร่วมกันต่อสู้เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาเป็นผู้นำของประเทศภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2540 เหมือนเดิม รวมทั้งยังกล่าวหาว่า กลุ่มอำมาตย์เป็นผู้ขัดขวางกระบวนการประชาธิปไตยด้วย

รายงานข่าวแจ้งอีกว่าในช่วงดึก พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้โฟนอินเข้ามาที่เวที และพูดคุยกับคนเสื้อแดงในเนื้อหาที่ค่อนข้างสับสนว่า ปัจจุบันมีความพยายามของฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองที่ต้องการทำลายเขาและครอบครัว โดยพยายามจะยึดทรัพย์สินที่หามาด้วยความสุจริตทั้งชีวิต ดังนั้นจึงเรียกร้องให้คนเสื้อแดงออกมาต่อสู้กับระบบความอยุติธรรมในสังคมไทย เพื่อให้บ้านเมืองกลับสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง โดยอ้างว่าหากไม่มีความยุติธรรมประเทศก็จะแตกแยก

ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้อธิบายให้คนเสื้อแดงฟังอย่างละเอียดว่า ตามรัฐธรรมนูญ กำหนดไว้ว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะไปมีผลประโยชน์ในสัญญาผูกโยงกับกิจการของรัฐไม่ได้ รวมไปถึงข้อกล่าวหาการถ่ายโอนทรัพย์สินอย่างมีเงื่อนงำของเขา และครอบครัว

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับเลือกที่จะไม่พูดถึง นโยบายและโครงการต่างๆ มากมาย ที่รัฐบาล ซึ่งเขานั่งเป็นนายกฯอยู่ กำหนดออกมา เอื้อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทที่ให้ลูกถือหุ้นอยู่ เช่น เปลี่ยนภาษีกิจการโทรคมนาคมปกติ เป็นภาษีสรรพสามิต ที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายหลายหมื่นล้านบาท การให้เอ็กซิมแบ๊งก์ปล่อยกู้ให้พม่า เพื่อซื้ออุปกรณ์จากบริษัทในเครือชินคอร์ป ฯลฯ รวมทั้งหลักฐานต่างๆ ที่บ่งชี้ว่าเป็นการถือหุ้นแทนและนำผลประโยชน์ของชาติไปเอื้อให้กับธุรกิจของตัวเอง เป็นต้น