ระยอง - เครือข่ายประชาชนฉุนญี่ปุ่นกดดันรัฐบาลไทย เตรียมเคลื่อนไหวครั้งใหญ่วางหรีดหน้าสถานทูต
วันนี้( 9 ก.พ.53 ) นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าวว่าจากการประชุมคณะกรรมการ 4 ฝ่าย เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทนเห็นพฤติกรรมของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะผู้แทนรัฐ มีท่าทีไม่เห็นด้วยกับการยึด 19 ประเภทโครงการรุนแรงมาเป็นข้อมูลเบื้องต้น ในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และรับฟังความคิดเห็นของนักเทคนิคที่เกี่ยวข้องเทคโนโลยี ในการกำหนดประเภทโครงการรุนแรง
ทั้งนี้ จะเห็นว่าเป็นปัญหาของรัฐบาล ที่รัฐบาลเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการ 4 ฝ่ายขึ้นมา แต่ท้ายสุดรัฐบาลไม่สามารถควบคุมพรรคร่วมรัฐบาลได้ จึงเห็นว่าปัญหาดังกล่าวนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องไปคุยกันเอง และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องเป็นผู้ตัดสินใจผลักดันให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเข้าร่วมการประชุม และให้ความสำคัญมติของที่ประชุมคณะกรรมการ 4 ฝ่าย
นายสุทธิ กล่าวว่า ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ มาเล่นเกม ไม่เคารพมติการประชุมที่หลากหลาย โดยมีหลายองค์ประกอบมาร่วมจะทำให้ปัญหาความขัดแย้งในการกำหนดประเภทโครงการรุนแรง ที่ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสอง ที่ประสบปัญหาอยู่ คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในของรัฐบาล จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีเข้ามาแก้ปัญหาด้วยตนเอง ในเรื่องความขัดแย้งกันระหว่างรัฐบาลกับพรรคร่วมรัฐบาล คือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรมและในส่วนของนายกรัฐมนตรีเอง ที่มาจากหลายพรรค พวกเราจะติดตามดูรัฐบาลจะมีความชัดเจนเรื่องนี้อย่างไร
นายสุทธิ กล่าวว่าในนามเครือข่ายฯขอตำหนิรัฐบาลอย่างรุนแรง ในกรณีที่มอบให้อัยการไปยื่นศาลปกครองสูงสุดเพื่อปลดล็อก กลุ่มโรงงานเพิ่มเติม หลังติดล็อกอยู่ 64 โครงการ ถ้ารัฐบาลให้อัยการไปยื่นศาลปกครองสูงสุดเมื่อไหร่ พวกเราพร้อมที่จะยื่นเพิ่ม ทั้ง 181 โครงการกับนายศรีสุวรรณ จรรยา และอีกหลายโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและนอกนิคมอุตสาหกรรม ที่ลืมยื่นในครั้งแรกคาดว่าประมาณ 200 โรงงาน
นายสุทธิ กล่าวว่าสัปดาห์หน้าจะพาคนมาบตาพุดที่ได้รับผลกระทบมาบตาพุดไปยืนชูป้ายปัญหามินามาตะ วางพวงหรีด บริเวณหน้าสถานทูตญี่ปุ่นพร้อมขอประนามการกดดันของรัฐบาลญี่ปุ่นหรือนายทุนญี่ปุ่น พยามให้รัฐบาลไทยไม่ทำตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการละเมิดอำนาจและเป็นการแทรกแซงรัฐบาลไทย เพราะฉะนั้นคนไทยยอมไม่ได้ ประเทศญี่ปุ่นก็เคยประสบปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมมาก่อน น่าจะเข้าใจดีเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม เราคงไม่ยอมให้ญี่ปุ่นมาขย่มประเทศไทยอีกต่อไป
วันนี้( 9 ก.พ.53 ) นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าวว่าจากการประชุมคณะกรรมการ 4 ฝ่าย เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทนเห็นพฤติกรรมของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะผู้แทนรัฐ มีท่าทีไม่เห็นด้วยกับการยึด 19 ประเภทโครงการรุนแรงมาเป็นข้อมูลเบื้องต้น ในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และรับฟังความคิดเห็นของนักเทคนิคที่เกี่ยวข้องเทคโนโลยี ในการกำหนดประเภทโครงการรุนแรง
ทั้งนี้ จะเห็นว่าเป็นปัญหาของรัฐบาล ที่รัฐบาลเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการ 4 ฝ่ายขึ้นมา แต่ท้ายสุดรัฐบาลไม่สามารถควบคุมพรรคร่วมรัฐบาลได้ จึงเห็นว่าปัญหาดังกล่าวนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องไปคุยกันเอง และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องเป็นผู้ตัดสินใจผลักดันให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเข้าร่วมการประชุม และให้ความสำคัญมติของที่ประชุมคณะกรรมการ 4 ฝ่าย
นายสุทธิ กล่าวว่า ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ มาเล่นเกม ไม่เคารพมติการประชุมที่หลากหลาย โดยมีหลายองค์ประกอบมาร่วมจะทำให้ปัญหาความขัดแย้งในการกำหนดประเภทโครงการรุนแรง ที่ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสอง ที่ประสบปัญหาอยู่ คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในของรัฐบาล จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีเข้ามาแก้ปัญหาด้วยตนเอง ในเรื่องความขัดแย้งกันระหว่างรัฐบาลกับพรรคร่วมรัฐบาล คือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรมและในส่วนของนายกรัฐมนตรีเอง ที่มาจากหลายพรรค พวกเราจะติดตามดูรัฐบาลจะมีความชัดเจนเรื่องนี้อย่างไร
นายสุทธิ กล่าวว่าในนามเครือข่ายฯขอตำหนิรัฐบาลอย่างรุนแรง ในกรณีที่มอบให้อัยการไปยื่นศาลปกครองสูงสุดเพื่อปลดล็อก กลุ่มโรงงานเพิ่มเติม หลังติดล็อกอยู่ 64 โครงการ ถ้ารัฐบาลให้อัยการไปยื่นศาลปกครองสูงสุดเมื่อไหร่ พวกเราพร้อมที่จะยื่นเพิ่ม ทั้ง 181 โครงการกับนายศรีสุวรรณ จรรยา และอีกหลายโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและนอกนิคมอุตสาหกรรม ที่ลืมยื่นในครั้งแรกคาดว่าประมาณ 200 โรงงาน
นายสุทธิ กล่าวว่าสัปดาห์หน้าจะพาคนมาบตาพุดที่ได้รับผลกระทบมาบตาพุดไปยืนชูป้ายปัญหามินามาตะ วางพวงหรีด บริเวณหน้าสถานทูตญี่ปุ่นพร้อมขอประนามการกดดันของรัฐบาลญี่ปุ่นหรือนายทุนญี่ปุ่น พยามให้รัฐบาลไทยไม่ทำตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการละเมิดอำนาจและเป็นการแทรกแซงรัฐบาลไทย เพราะฉะนั้นคนไทยยอมไม่ได้ ประเทศญี่ปุ่นก็เคยประสบปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมมาก่อน น่าจะเข้าใจดีเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม เราคงไม่ยอมให้ญี่ปุ่นมาขย่มประเทศไทยอีกต่อไป
