ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เผยเริ่มมีรายงานพบการเกิดจุดความร้อนและการเผาในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น แต่ยืนยันสถานการณ์หมอกควันและคุณภาพอากาศยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน พร้อมกำชับทุกอำเภอดูแลจัดการอย่างเข้มงวดให้มีการเผาในที่โล่งน้อยที่สุด ขณะเดียวกันเตรียมนำเครื่องบดย่อยเศษวัสดุเพื่อผลิตปุ๋ยหมักออกให้บริการ หวังช่วยลดการเผา
นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์หมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็กของจังหวัดเชียงใหม่ว่า ขณะนี้คุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 และค่าดัชนีชี้วัดคุณภาพอากาศ ยังคงอยู่ในระดับที่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานของกรมควบคุมมลพิษ
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มมีรายงานพบการเกิดจุดความร้อน(Hot Spot) และการเผาเพิ่มขึ้น โดยมีรายงานมากในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม อำเภออมก๋อย อำเภอเชียงดาว และอำเภอดอยสะเก็ด ซึ่งได้มีการสั่งการกำชับให้แต่ละพื้นที่เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมและระมัดระวังการเผาแล้ว ทั้งพื้นที่ราบและพื้นที่สูง
สำหรับการดำเนินการป้องกันและเฝ้าระวังปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็กในระดับพื้นที่ของแต่ละอำเภอนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ได้มีการสั่งการในการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้ในทุกอำเภอแล้ว พร้อมทั้งมีการเน้นย้ำกำชับให้นายอำเภอ ร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหานี้อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการแจ้งเตือนและดูแลจัดการกับการเผาในที่โล่งทุกชนิด
ขณะเดียวกันนายอมรพันธุ์ กล่าวว่า ภายในเดือน ก.พ.นี้ ทางจังหวัดเชียงใหม่กำลังจะได้รับการสนับสนุนเครื่องจักรสำหรับการบดย่อยเศษกิ่งไม้ใบไม้และเศษวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิง จำนวนประมาณ 20 เครื่อง จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อนำออกใช้งานให้บริการประชาชนในการบดย่อยเศษวัสดุต่างๆ เพื่อผลิตปุ๋ยหมักแทนการเผา ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปัญหาการเผาลงได้แล้ว ยังก่อให้เกิดประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้อีกด้วย เชื่อว่าการดำเนินการนี้น่าจะได้ผลในการช่วยบรรเทาปัญหาได้เป็นอย่างดีในระดับหนึ่ง
นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์หมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็กของจังหวัดเชียงใหม่ว่า ขณะนี้คุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM10 และค่าดัชนีชี้วัดคุณภาพอากาศ ยังคงอยู่ในระดับที่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานของกรมควบคุมมลพิษ
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มมีรายงานพบการเกิดจุดความร้อน(Hot Spot) และการเผาเพิ่มขึ้น โดยมีรายงานมากในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม อำเภออมก๋อย อำเภอเชียงดาว และอำเภอดอยสะเก็ด ซึ่งได้มีการสั่งการกำชับให้แต่ละพื้นที่เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมและระมัดระวังการเผาแล้ว ทั้งพื้นที่ราบและพื้นที่สูง
สำหรับการดำเนินการป้องกันและเฝ้าระวังปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็กในระดับพื้นที่ของแต่ละอำเภอนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ได้มีการสั่งการในการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้ในทุกอำเภอแล้ว พร้อมทั้งมีการเน้นย้ำกำชับให้นายอำเภอ ร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหานี้อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการแจ้งเตือนและดูแลจัดการกับการเผาในที่โล่งทุกชนิด
ขณะเดียวกันนายอมรพันธุ์ กล่าวว่า ภายในเดือน ก.พ.นี้ ทางจังหวัดเชียงใหม่กำลังจะได้รับการสนับสนุนเครื่องจักรสำหรับการบดย่อยเศษกิ่งไม้ใบไม้และเศษวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิง จำนวนประมาณ 20 เครื่อง จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อนำออกใช้งานให้บริการประชาชนในการบดย่อยเศษวัสดุต่างๆ เพื่อผลิตปุ๋ยหมักแทนการเผา ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปัญหาการเผาลงได้แล้ว ยังก่อให้เกิดประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้อีกด้วย เชื่อว่าการดำเนินการนี้น่าจะได้ผลในการช่วยบรรเทาปัญหาได้เป็นอย่างดีในระดับหนึ่ง