เชียงราย – คนเชียงรายเริ่มเมินร่วมเวทีหางแดง ต้องขนจากจังหวัดข้างเคียงเข้ามาร่วม แต่ก็ทำให้บรรยากาศโหรงเหรง แถมคนปราศรัยยังไร้ข้อมูลใหม่ บางคนยังโกหกกันหน้าตาเฉย –ด่าคนเมืองพ่อขุนฯ ที่เบื่อเสื้อแดงชุมนุม “แม้ว”โฟนอินตกร่อง หลอกให้ชาวบ้านออกมาชุมนุมเพื่อเอาตัวเองกลับบ้าน ติดสินบนใช้หนี้ให้ 6 เดือนแรกเมื่อเหยียบแผ่นดินไทย อีก 6 เดือนจะเอาเงินมาให้อีก
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า ค่ำ 7 ก.พ.53 สภาแดงล้านนาและกลุ่มต้นกล้าประชาธิปไตยเชียงราย จัดเวทีปราศรัยเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้พ้นผิดและได้เงิน 7.6 หมื่นล้านคืน ณ ลานหน้าโรงแรมแสนภูเพลส อ.เมือง จ.เชียงราย โดยมีนายจิรโรจน์ กีรติศักดิ์วรกุล ประธานกลุ่มพะเยารักประชาธิปไตย เป็นพิธีกรหลักบนเวทีและมีแกนนำจากจังหวัดต่างๆ ผลัดกันปราศรัย
เนื้อหาการปราศรัยของแต่ละคนยังคงมุ่งโจมตีการบริหารงานของรัฐบาล โจมตีทหาร โจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยที่คนเสื้อแดงที่เข้าร่วมรับฟังส่วนใหญ่ไม่ใช่คนเชียงราย แต่มาจากจังหวัดต่างๆ ที่เป็นสมาชิกกลุ่มสภาแดงล้านนา
นายชรุท ปราชญ์วีระกุล ประธานสภาแดงล้านนา พยายามเรียกร้องประชาธิปไตยและโจมตีการปฏิบัติยึดอำนาจของทหาร ก่อนจะปลุกเร้าว่าคนเหนือคือคนล้านนา ซึ่งเกือบจะได้นายณรงค์ วงศ์วรรณ อดีต ส.ส.ภาคเหนือ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็ถูกกีดกัน ต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้เป็นแต่ก็ถูกกลุ่มอำมาตย์จัดการอีก จึงขอให้คนล้านนาไล่พวกอำมาตย์ออกไป แต่ไม่ได้อธิบายว่านายณรงค์ ก็เคยสนับสนุน พล.อ.สุจินดา คราประยูร หนึ่งในสภารักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ซึ่งเคยปฏิวัติรัฐประหารอันสวนทางกับการเรียกร้องตั้งแต่ต้นของตัวเองแต่อย่างใด รวมทั้งไม่อธิบายถึงความผิดต่างๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ
เช่นเดียวกับ ประทีป งานดี แกนนำคนเสื้อแดงจาก จ.พะเยา ซึ่งยกย่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าถูกกล่าวหาไม่เคารพเบื้องสูงทั้งๆ ที่ใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 แต่ไม่ได้บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เคยพูดจาบจ้วงเบื้องสูงมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน คนรอบข้างก็ถูกตั้งข้อหาเดียวกันนี้อยู่หลายคน
รวมทั้งระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้โกงเพราะมีเงินมาก่อนการเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ได้ระบุว่าเงินที่เพิ่มพูนขึ้นเกิดจากนโยบายรัฐบาลทักษิณ ที่ช่วยให้ตัวเองร่ำรวยขึ้นและกีดกันกลุ่มทุนอื่น ขณะเดียวกันยังออกลูกมั่วว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นรัฐธรรมนูญโจร แต่เอามาตรา 13 ของรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกันที่อนุญาตให้คนเสื้อแดงออกมาชุมนุมได้อย่างสงบ โดยปราศรัยอาวุธ ออกมาปราศรัยว่าคนเสื้อแดงสามารถทำได้
ขณะที่นายสงัด วงศ์เขียว แกนนำจาก จ.ลำปาง กลับขึ้นเวทีและกล่าวแต่เรื่องยกย่องตัวเองที่สามารถจัดรายการวิทยุคนเสื้อแดงในพื้นที่ถึง 2 คลื่นความถี่
ด้านนายบุญเลิศ หรือธนากร บุญศรี ประธานกลุ่มต้นกล้าประชาธิปไตยเชียงราย ก็เช่นกัน ได้ระบุว่าปัจจุบันพบปัญหาเรื่อง 2 มาตรฐาน เพราะตนถูกดำเนินคดีในข้อหาไปปิดสี่แยกแม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย ในเหตุการณ์เดือน เม.ย.52 โดยหยิบยกข้ออ้างง่ายๆ ที่ทำให้ตัวเองโดน 2 มาตรฐานว่าทำไปเพราะแกนนำจากส่วนกลางถูกจับกุมทั้งๆ ที่แกนนำทั้งหมดถูกดำเนินคดีเพราะไปเผาบ้านป่วนเมืองที่กรุงเทพฯ ในเดือนเดียวกัน
ส่วน น.ส.นุชจมาลย์ วันชนะเกิดดี ซึ่งขึ้นร้องเพลงกล่อมอยู่พักใหญ่ก่อนจะออกมาใช้คำพูดไม่สุภาพหลังจากนั้นว่า "ให้คนเสื้อแดงรอฟังคำสั่งจาก นปช.ส่วนกลางเท่านั้น และหากเขาบอกให้เผาก็ให้เผาแม่งเลย"
รายงานข่าวแจ้งว่าต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โฟนอินมาที่เวที บอกกล่าวให้คนเสื้อแดงว่า ไม่นานนักจะกลับประเทศไทยถ้าประชาชนช่วยพาเขากลับไป ซึ่งคาดว่าคงจะเป็นปีนี้หรือหลังสงกรานต์นี้แน่นอน จึงขอให้ประชาชนภาคเหนือและอีสานได้ไปร่วมชุมนุมกันที่กรุงเทพฯ เพื่อเอาประชาธิปไตยกลับคืนมา ซึ่งจะทำให้ตนได้กลับด้วย เมื่อตนกลับไปจะชดใช้หนี้ให้ประชาชนทั้งหมดภายใน 6 เดือนแรกส่วน 6 เดือนหลังจะนำเงินไปเติมให้อีก
“ที่สำคัญเอาผมกลับบ้านก่อนและเลือก ส.ส.ที่เป็นของผมให้ด้วย มาชุมนุมกันมากๆ อยู่จนกว่าจะชนะ” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
ขณะที่แกนนำบนเวทีซึ่งนำโดยนางลัดดาวัลย์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตกรรมการพรรคไทยรักไทย ซึ่งถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 5 ปี พยายามจะถามว่าอยากไปพบที่ประเทศกัมพูชาจะได้ไหมซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามบ่ายเบี่ยงในเรื่องนี้ก่อนจะวางหูไปหลังจากใช้เวลาโฟนอินประมาณ 10 นาที โดยที่แกนนำบางคนพยายามจะพูดจาด้วยแต่ไม่ได้ผล
ขณะที่นายประแสง มงคลสิริ อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย เขต 1 จ.อุทัยธานี กล่าวโจมตีนายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนัน ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งเป็นเหตุให้พรรคพลังประชาชนถูกยุบเพราะคดีรับเงินซื้อเสียง 20,000 บาท พร้อมทั้งระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีธงตั้งอยู่ในใจอยู่แล้ว โดยไม่ได้ใช้หลักเหตุผลอธิบายว่าหากกรณีดังกล่าวเป็นจริงพรรคนี้สมควรถูกยุบหรือไม่ รวมทั้งได้โจมตีการปฏิวัติรัฐประหารของทหารในยุคต่างๆ แต่เว้นกรณี รสช.ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ไปทำตัวเป็นลูกไล่ของ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ประธาน รสช.จนได้สัมปทานดาวเทียม
นายประแสง ยังกล่าวโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ.ว่าอาจจะทำปฏิวัติเพราะถูกอำมาตย์วางตัวให้เป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป และไม่อยากให้กองทัพเสื้อแดงได้ชัยชนะเสียก่อนซึ่งจะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไปไม่ถึงที่หมายดังกล่าว จนถึงขั้นใช้ถ้อยคำที่รุนแรงว่า “มึงเอาแน่ ถ้าเสื้อแดงเอามึง มึงก็ไม่มีที่อยู่ในประเทศไทยเหมือนกันแหละไอ้ประยุทธ์เอ้ย”
ด้านนายนาวิน บุญเสรฐ อดีต ส.ส.พิจิตร กล่าวหลอกลวงคนเสื้อแดงอย่างน่าตาเฉยว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ไม่ถูกดำเนินคดีเลยซักคน แต่กรณีคนเสื้อแดงกลับถูกดำเนินคดีโดยถ้วนหน้า
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้แกนนำกลุ่ม พธม.ถูกดำเนินคดีไปแล้วนับไม่ถ้วนแม้แต่นายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำ ยังต้องถวายฎีกาขอความเป็นธรรมมาแล้วเมื่อเร็วๆ นี้ เช่นเดียวกับแกนนำหลายคนที่ถูกข้อหาจากตำรวจหลากหลายจนต้องเดินขึ้นศาลเป็นว่าเล่น โดยเฉพาะข้อหาเป็นผู้ก่อการร้ายสากล
ขณะที่นายประมวล ชูกล่อม หรือ “เจ๋ง ดอกจิก” อดีตตลกคาเฟ่ ก็ออกลูกตลกโดยไร้ข้อมูลในการปราศรัย ขึ้นเวทีด้วยการยอมรับว่า บรรดา 3 เกลอหัวขวดของ นปช.ต่างด่าว่า พล.อ.เปรม จนหลายคนป่วยเจ็บคอต้องเข้าโรงพยาบาล หลายคนต้องประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ขณะจะไปปราศรัยด่า พล.อ.เปรม แต่ พล.อ.เปรม ก็ไม่เจ็บป่วยใดๆ เลย ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้เศรษฐกิจดีและไม่โกงจนสามารถให้เงินกู้ประเทศพม่าได้ โดยที่นายประมวล ไม่ได้มีความรู้เลยว่า กรณีการปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลประเทศพม่าหลายพันล้านบาทในยุครัฐบาลทักษิณ คือหนึ่งในความผิดครั้งใหญ่ในการเอื้อประโยชน์ให้รัฐบาลพม่าซื้อสินค้าจากบริษัทในเครือชินคอร์ป ของเขาเอง
ช่วงท้ายนายประมวล ยังแสดงอาการตลกไม่เลิกด้วยการด่าว่า คนเชียงรายที่ไปร่วมเวทีปราศรัยครั้งนี้น้อยว่ามัวแต่ด่าว่าพวกตนที่ไปปราศรัยหน้าโรงแรมแสนภูเพลสจนทำให้รถติด จนถึงขั้นใช้ถ้อยคำรุนแรงกับชาวเชียงรายว่า “พวกกูมานี่ก็เพื่อพวกมึงโว้ย ยังจะมานินทากันอีก พวกกูมาเพื่อเสียสละโว้ยไอ้พวกบ้า” จากนั้นได้ปราศรัยโจมตีกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ว่า รับเงินสินบนมาคนละ 5 ล้านบาทเพื่อให้ไม่ต้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีคดีเงินบริจาคพรรค แต่พอกรณีพรรคพลังประชาชนทำผิดนิดหน่อยก็ยุบเลย
ทั้งๆ ที่คดียุบพรรคพลังประชาชนคือคดีซื้อเสียงซึ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
เช่นเดียวกันกับ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรรัตน์ อดีต ส.ส.กำแพงเพชร ที่ขึ้นกล่าวโจมตีกำนันชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ โดยไม่ได้ให้เหตุผลว่า กรณีกำนันชัยวัฒน์ ทำคุณูปการให้กับระบอบประชาธิปไตยของประเทศที่เป็นส่วนหนึ่งในการชี้ว่าพรรคพลังประชาชนทำผิดจนมีเหตุให้ต้องยุบพรรคดังกล่าวไปในที่สุด
ในช่วงท้ายการปราศรัยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หนึ่งในแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงรอคอยให้ปราศรัยอย่างมีสาระมากกว่าคนอื่นๆ แต่ปรากฏว่า พลันที่ขึ้นเวทีนายณัฐวุฒิ กลับไม่มีข้อมูลใหม่ใดๆ กลับไปโจมตีรัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่ามัวแต่ไปคลี่คลายคดีคนปาอุจจาระใส่บ้านของตัวเอง โดยตั้งคณะกรรมการตรวจสอบดีเอ็นเออุจจาระดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นเรื่องที่ใช้ไม่ได้และเป็นที่อื้อฉาวไปทั่วโลก ทั้งๆ ที่กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องร้ายแรงเพราะกระทำกับผู้นำของประเทศโดยที่นายณัฐวุฒิ ไม่เคยกล่าวโทษหรือพยายายามอธิบายความผิดของผู้ที่ลงมือก่อเหตุดังกล่าวว่าถูกต้องหรือเหมาะสมเลยแต่อย่างใด
ช่วงท้ายนายณัฐวุฒิก็เลียนแบบแกนนำคนอื่นๆ ด้วยการโจมตี พล.อ.เปรม และยกย่อง พ.ต.ท.ทักษิณ เช่นเคย ก่อนที่เวทีจะเลิก
ขณะที่นายจิรโรจน์ กีรติศักดิ์วรกุล ประธานกลุ่มพะเยารักประชาธิปไตย เป็นพิธีกรหลักบนเวที พยายามอ้างข้อเรียกร้องเรื่องประชาธิปไตยและขอให้คนเสื้อแดงรอฟังคำสั่งจากวิทยุชุมชนใน จ.เชียงราย คลื่นเอฟเอ็ม 107.5 เม็กกะเฮิร์ต ในการจะไปชุมนุมใหญ่ซึ่งจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้
ขณะที่คลื่นดังกล่าวได้ส่งไปรบกวนคลื่นของกลุ่ม พธม.ที่วิทยุชุมชนห้วยไคร้ อ.แม่สาย อย่างไร้มารยาทและไม่ได้เป็นประชาธิปไตยตามที่กล่าวอ้าง เพราะไม่ได้เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเท่าเทียมกันตามระบอบประชาธิปไตย