ฉะเชิงเทรา - ใกล้คลอดเต็มทีแล้ว หอดูดาวส่วนภูมิภาคทั่วไทย 5 แห่ง หลังสถาบันวิจัยดาราศาสตร์เตรียมร่วมลงนามเอ็มโอยูกับทางจังหวัดฉะเชิงเทรา ขณะนักดาราศาสตร์ท้องถิ่นเผยเป็นเรื่องน่ายินดี พร้อมเตรียมผลักดันให้เกิดประโยชน์สุดคุ้ม เนรมิตให้เป็นศูนย์การเรียนรู้แบบผสมผสาน ทั้งด้านดาราศาสตร์ และสวนป่าพันธุ์พืชกินได้ รวมถึงเป็นสถานวิปัสสนา และแหล่งท่องเที่ยว
วันนี้ (4 ม.ค.) เวลา 08.30 น. นายวรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต ปราชญ์ชาวบ้าน นักดาราศาสตร์ท้องถิ่น จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ในวันที่ 11 ก.พ.53 นี้ เวลา 11.00 น. ตนได้รับเชิญให้ไปร่วมเป็นสักขีพยานในงานการทำบันทึกข้อตกลง เอ็มโอยู (MOU) ลงนามความร่วมมือระหว่างสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ หรือ “NARIT” (National Astronomical Research Institute of Thailand) หรือนาซาเมืองไทย ร่วมกับจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในการดำเนินการก่อสร้าง “หอดูดาววังเย็น” ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลแปลงยาว ม.4 ต.วังเย็น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ตามโครงการก่อสร้างหอดูดาวส่วนภูมิภาค 5 แห่งทั่วประเทศ
โดยที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ถือเป็นหอดูดาวในเครือข่ายของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งแรก เพียงแห่งเดียวในพื้นที่ภาคกลาง และภาคตะวันออก ขณะที่ในภาคเหนือจะมีหูดูดาวหลัก คือ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ตั้งอยู่ที่ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ และมีหอดูดาวส่วนภูมิภาคเป็นแห่งที่ 2 ที่ จ.พิษณุโลก ส่วนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีหอดูดาวส่วนภูมิภาค ที่ จ.ขอนแก่น และ จ.นครราชสีมา สำหรับภาคใต้ จะมีการก่อสร้างเพียงแห่งเดียวเช่นกันที่ จ.สงขลา
สำหรับหอดูดาวส่วนภูมิภาคที่ จ.ฉะเชิงเทรา นั้นถือเป็นแห่งที่ 2 ที่จะมีการลงนามความร่วมมือระหว่างจังหวัด โดยนายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมคณะ และสถาบันวิจัยดาราศาสตร์ เพื่อดำเนินการก่อสร้าง หลังจากหอดูดาวที่ จ.นครราชสีมา บ้านเกิดของ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ลงนามไปก่อนหน้าแล้ว
โดยขณะนี้หอดูดาวส่วนภูมิภาค จ.ฉะเชิงเทรา ยังอยู่ในช่วงระหว่างการออกแบบ โดยมีตัวอาคารหอดูดาว ก่อสร้างเป็นลักษณะรูปโดม พร้อมด้วยลานดูดาว ก่อนที่จะเริ่มเปิดให้มีการประมูลจัดจ้างผู้รับเหมา เพื่อดำเนินการก่อสร้าง หลังจากการลงนามในครั้งนี้ ด้วยเงินงบประมาณ 95 ล้านบาท บนเนื้อที่ 36 ไร่ ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม โรงเรียนวัดวังเย็น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา
หลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จจึงจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารร่วมกัน ระหว่างทางจังหวัดฉะเชิงเทรา และสถาบันวิจัยดาราศาสตร์ ซึ่งแนวทางการจัดสรรและใช้ประโยชน์พื้นที่นั้น ในส่วนของชุมชนชาว อ.แปลงยาว นั้นต้องการให้ใช้พื้นที่ส่วนที่เหลือจากการก่อสร้างหอดูดาว จากทั้งหมด 36 ไร่ จัดให้เป็นพื้นที่ใช้สอยในการปลูกป่า ให้เป็นสวนป่าพืชกินได้ในท้องถิ่น กว่า 180 ชนิด เพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ เกี่ยวกับพันธุ์พืชป่าไม้กินได้ ที่เยาวชน คนรุ่นหลังส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก
ทั้งนี้ เพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ของคนในภาคกลาง และภาคตะวันออก ขณะที่มาเข้าค่ายทางดาราศาสตร์ จะได้เรียนรู้ทำความรู้จักกับพันธุ์พืชต่างๆ ในช่วงเวลากลางวัน และเรียนรู้ท้องฟ้า และดูดาวในเวลากลางคืน นอกจากนี้ในบริเวณสวนป่า ยังสามารถใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เป็นสำนักวิปัสสนา ของทางวัดวังเย็น ที่ตั้งอยู่ใกล้กันได้อีกด้วย หากทางวัดมีความประสงค์ที่จะใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งอาจมีการจัดสถานที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว หรือสถานที่พักผ่อน ของทางจังหวัดต่อไปอีกด้วย
วันนี้ (4 ม.ค.) เวลา 08.30 น. นายวรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต ปราชญ์ชาวบ้าน นักดาราศาสตร์ท้องถิ่น จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ในวันที่ 11 ก.พ.53 นี้ เวลา 11.00 น. ตนได้รับเชิญให้ไปร่วมเป็นสักขีพยานในงานการทำบันทึกข้อตกลง เอ็มโอยู (MOU) ลงนามความร่วมมือระหว่างสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ หรือ “NARIT” (National Astronomical Research Institute of Thailand) หรือนาซาเมืองไทย ร่วมกับจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในการดำเนินการก่อสร้าง “หอดูดาววังเย็น” ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลแปลงยาว ม.4 ต.วังเย็น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ตามโครงการก่อสร้างหอดูดาวส่วนภูมิภาค 5 แห่งทั่วประเทศ
โดยที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ถือเป็นหอดูดาวในเครือข่ายของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งแรก เพียงแห่งเดียวในพื้นที่ภาคกลาง และภาคตะวันออก ขณะที่ในภาคเหนือจะมีหูดูดาวหลัก คือ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ตั้งอยู่ที่ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ และมีหอดูดาวส่วนภูมิภาคเป็นแห่งที่ 2 ที่ จ.พิษณุโลก ส่วนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีหอดูดาวส่วนภูมิภาค ที่ จ.ขอนแก่น และ จ.นครราชสีมา สำหรับภาคใต้ จะมีการก่อสร้างเพียงแห่งเดียวเช่นกันที่ จ.สงขลา
สำหรับหอดูดาวส่วนภูมิภาคที่ จ.ฉะเชิงเทรา นั้นถือเป็นแห่งที่ 2 ที่จะมีการลงนามความร่วมมือระหว่างจังหวัด โดยนายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมคณะ และสถาบันวิจัยดาราศาสตร์ เพื่อดำเนินการก่อสร้าง หลังจากหอดูดาวที่ จ.นครราชสีมา บ้านเกิดของ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ลงนามไปก่อนหน้าแล้ว
โดยขณะนี้หอดูดาวส่วนภูมิภาค จ.ฉะเชิงเทรา ยังอยู่ในช่วงระหว่างการออกแบบ โดยมีตัวอาคารหอดูดาว ก่อสร้างเป็นลักษณะรูปโดม พร้อมด้วยลานดูดาว ก่อนที่จะเริ่มเปิดให้มีการประมูลจัดจ้างผู้รับเหมา เพื่อดำเนินการก่อสร้าง หลังจากการลงนามในครั้งนี้ ด้วยเงินงบประมาณ 95 ล้านบาท บนเนื้อที่ 36 ไร่ ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม โรงเรียนวัดวังเย็น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา
หลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จจึงจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารร่วมกัน ระหว่างทางจังหวัดฉะเชิงเทรา และสถาบันวิจัยดาราศาสตร์ ซึ่งแนวทางการจัดสรรและใช้ประโยชน์พื้นที่นั้น ในส่วนของชุมชนชาว อ.แปลงยาว นั้นต้องการให้ใช้พื้นที่ส่วนที่เหลือจากการก่อสร้างหอดูดาว จากทั้งหมด 36 ไร่ จัดให้เป็นพื้นที่ใช้สอยในการปลูกป่า ให้เป็นสวนป่าพืชกินได้ในท้องถิ่น กว่า 180 ชนิด เพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ เกี่ยวกับพันธุ์พืชป่าไม้กินได้ ที่เยาวชน คนรุ่นหลังส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก
ทั้งนี้ เพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ของคนในภาคกลาง และภาคตะวันออก ขณะที่มาเข้าค่ายทางดาราศาสตร์ จะได้เรียนรู้ทำความรู้จักกับพันธุ์พืชต่างๆ ในช่วงเวลากลางวัน และเรียนรู้ท้องฟ้า และดูดาวในเวลากลางคืน นอกจากนี้ในบริเวณสวนป่า ยังสามารถใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เป็นสำนักวิปัสสนา ของทางวัดวังเย็น ที่ตั้งอยู่ใกล้กันได้อีกด้วย หากทางวัดมีความประสงค์ที่จะใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งอาจมีการจัดสถานที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว หรือสถานที่พักผ่อน ของทางจังหวัดต่อไปอีกด้วย