ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผอ.สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังคนใหม่ ประกาศเดินหน้าปราบปรามผู้หลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรหลังยอดจับกุมปี 2552 สูงถึง 100 ล้านบาท พร้อมอุดรูรั่วการใช้ช่องว่างด้านสิทธิพิเศษการลงทุนป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษี เผยผลกระทบจากการทำ FTA ระหว่างรัฐบาลไทยกับหลายประเทศย่อมส่งผลต่อมาตรการจัดเก็บภาษีศุลกากรในปี 2553 แต่ก็มั่นใจว่ายอดการจัดเก็บตลอดทั้งปีจะเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน
นายยุทธนา หยิมการุณ ผู้อำนวยการ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ได้เปิดแถลงถึงนโยบายการทำงานหลังเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการคนใหม่ว่า นอกจากจะเน้นหนักที่การพัฒนางานบริการให้สามารถอำนวยความสะดวกกับหน่วยงานหรือบุคคลที่เข้ามาเสียภาษีศุลกากร รวมทั้งภาษีที่จัดเก็บแทนหน่วยงานอื่นเพื่อให้เป้าหมายการจัดเก็บภาษีศุลกากรในปี 2553 เติบโตเพิ่มอีก 3 พันล้านบาท จากยอดการจัดเก็บที่ทำได้ในปีก่อนประมาณ 2 หมื่นล้านบาท นอกจากนั้นยังจะเดินหน้ามาตรการป้องกันและปราบปราม ผู้หลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร หลังจากในปี 2552 ที่ผ่านมามียอดการจับกุมผู้หลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรสูงถึง 100 ล้านบาท
“ที่ผ่านมาหากดูจากจำนวนเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและปราบปรามจะพบว่าอัตรากำลังยังไม่เพียงพอจึงเกิดการหลีกเลี่ยงภาษีได้ง่าย ดังนั้นในปีนี้นอกจากจะต้องเพิ่มทีมสืบสวนปราบปรามแล้ว เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นคณะทำงานยังจะต้องอยู่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชลบุรีทั้งหมด และในกรณีที่มีการสืบทราบว่ามีบริษัทใดหลีกเลี่ยงการชำระภาษีศุลกากร เราก็จะใช้มาตรการเชิงรุกเข้าจัดการทันที่ไม่ว่าบริษัทนั้นจะอยู่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีหรือไม่ ”
นายยุทธนา ยังเผยอีกว่าในปี 2553 สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ยังให้ความสำคัญกับการดูแลตู้สินค้าอันตราย หลังเกิดเหตุการณสารเคมีรั่วไหลในปี 2552 โดยจะกำชับให้ผู้ประ กอบการปฏิบัติตามมาตรการที่สำนักงานฯ กำหนดอย่างเคร่งครัด นั่นก็คือ หากมีการนำสารเคมีเข้ามาในพื้นที่ จะต้องนำตู้สินค้าออกจากพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังในทันที
ขณะที่พันธะสัญญาเกี่ยวกับการทำ FTA ซึ่งรัฐบาลไทยทำกับหลายประเทศ ย่อมส่งกระทบการจัดเก็บภาษีศุลกากรและภาษีที่สำนักงานจัดเก็บให้กับหน่วยงานอื่นๆ ในปี 2553 อย่างแน่นอน แต่สำนักงานฯ ก็มีมาตรการในการควบคุมและดูแลบริษัทฯที่ได้รับสิทธิพิเศษทางการลงทุน ในการนำเข้าเครื่องมือและเครื่องจักรกล รวมทั้งวัตถุดิบต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทเหล่านี้อาศัยช่องว่างในการหลีกเลี่ยงภาษี
ทั้งนี้ จะมีการสร้างความเข้าใจกับผู้ประกอบการรวมถึงบริษัทต่างๆ ที่ต้องนำเข้าและส่งออกสินค้าผ่านท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตามมาตรฐานการต่างๆ ของสำนักงานฯ อย่างเคร่งครัด
