ตาก - แม่ทัพภาคที่ 3 สั่งทหารอำนวยความสะดวกให้ผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยง สัญชาติพม่ากลับบ้าน ชี้เหตุการณ์สงบแล้ว อยู่นานเป็นภาระ-ยืดเยื้อ
พล.ท.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน แม่ทัพภาคที่ 3 ,พลตรีชัยณรงค์ ธนารุณ รองแม่ทัพภาคที่ 3 และพันเอกผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิตกรมทหารราบที่ 4 อ.แม่สอด พร้อมด้วยคณะได้เดินทางไปยังบ้านหนองบัว ตำบลแม่อูสุ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ชายแดนไทย – พม่า และตรวจสภาพผู้หนีภัยจากการสู้รบ ที่บ้านหนองบัว และบ้านแม่อุสุ ซึ่งมีชาวกะเหรี่ยงที่หนีภัยจากการสู้รบ กว่า 1,633 คน
โดยมี พ.อ.นพดล วัชรจิตบวร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 อำเภอแม่สอด บรรยายสรุปสถานการณ์ ชายแดนไทย – พม่า ด้านอำเภอท่าสองยาง ซึ่งล่าสุดไม่มีการสู้รบแต่อย่างใด รวมทั้งสถานการณ์ผู้หนีภัยจากการสู้รบ ก่อนที่จะไปตรวจสอบพื้นที่พักพิงชั่วคราว
พล.ท.ทนงศักดิ์ กล่าวว่า ได้ไปดูสภาพความเป็นอยู่ของผู้หนีภัยจากการสู้รบที่บ้านหนองบัวนั้น ยังยืนยันว่า ขณะนี้ไม่มีสถานการณ์การสู้รบในฝั่งประเทศพม่า ตรงข้ามบ้านหนองบัวแล้ว จึงควรอำนวยความสะดวกให้ผู้ลี้ภัยกลับไปยังภูมิลำเนาเดิมอย่างปลอดภัย และสมเกียรติ ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า การกลับไปของผู้ลี้ภัยยังไม่ปลอดภัยนั้น ทุกคนมีบ้านอยู่ในฝั่งพม่าใกล้กับฝั่งไทย มีที่ทำกิน มีไร่มีนาอยู่ตามอัตภาพในฝั่งพม่า เมื่อไม่มีการสู้รบแล้ว ก็ควรกลับไปด้วยความสมัครใจ ไม่บังคับใดๆ
พล.ท.ทนงศักดิ์ กล่าวว่า ผู้ลี้ภัยเหล่านี้มาอยู่ในพื้นที่บ้านหนองบัวนานถึง 7 – 8 เดือนแล้ว สภาพพื้นที่ ที่อยู่อาศัย สิ่งอำนวยความสะดวกชั่วคราวต่างๆก็เสื่อมโทรมแล้ว เมื่อสถานการณ์ในฝั่งพม่าสงบ ตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดูแลอำนวยความสะดวกให้พวกเขากลับไปภูมิลำเนาต่อไป
“มันเป็นภาระที่ไม่ใช่หน้าที่จริงๆ แล้วหน้าที่ของเราคือ การดูแลให้ความปลอดภัย และดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน แต่พออยู่นานเกินไปจะกลายเป็นคนไทยโดยปริยาย หรือ จะยืดเยื้อเหมือนพื้นที่ชั่วคราวอื่นๆ ซึ่งไม่เกิดผลดีต่อประเทศไทย และโอกาสเบี่ยงเบนไปเป็นอย่างอื่น เช่น การสวมบัตรเป็นคนไทย หรือแอบเข้าไปพื้นที่ชั้นในก็จะมีมากขึ้นด้วย”
ขณะที่นายยิปซี ครูสอนเด็กนักเรียนในพื้นที่พักพิงผู้ลี้ภัยบ้านหนองบัวกล่าวว่า ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่พร้อมที่จะกลับไป แต่ขอให้ทางไทยช่วยดูแลเรื่องอาหาร ยารักษาโรค และอื่นๆ รวมทั้งเรื่องการศึกษา ก็พร้อมที่จะกลับไป
พล.ท.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน แม่ทัพภาคที่ 3 ,พลตรีชัยณรงค์ ธนารุณ รองแม่ทัพภาคที่ 3 และพันเอกผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิตกรมทหารราบที่ 4 อ.แม่สอด พร้อมด้วยคณะได้เดินทางไปยังบ้านหนองบัว ตำบลแม่อูสุ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ชายแดนไทย – พม่า และตรวจสภาพผู้หนีภัยจากการสู้รบ ที่บ้านหนองบัว และบ้านแม่อุสุ ซึ่งมีชาวกะเหรี่ยงที่หนีภัยจากการสู้รบ กว่า 1,633 คน
โดยมี พ.อ.นพดล วัชรจิตบวร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 อำเภอแม่สอด บรรยายสรุปสถานการณ์ ชายแดนไทย – พม่า ด้านอำเภอท่าสองยาง ซึ่งล่าสุดไม่มีการสู้รบแต่อย่างใด รวมทั้งสถานการณ์ผู้หนีภัยจากการสู้รบ ก่อนที่จะไปตรวจสอบพื้นที่พักพิงชั่วคราว
พล.ท.ทนงศักดิ์ กล่าวว่า ได้ไปดูสภาพความเป็นอยู่ของผู้หนีภัยจากการสู้รบที่บ้านหนองบัวนั้น ยังยืนยันว่า ขณะนี้ไม่มีสถานการณ์การสู้รบในฝั่งประเทศพม่า ตรงข้ามบ้านหนองบัวแล้ว จึงควรอำนวยความสะดวกให้ผู้ลี้ภัยกลับไปยังภูมิลำเนาเดิมอย่างปลอดภัย และสมเกียรติ ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า การกลับไปของผู้ลี้ภัยยังไม่ปลอดภัยนั้น ทุกคนมีบ้านอยู่ในฝั่งพม่าใกล้กับฝั่งไทย มีที่ทำกิน มีไร่มีนาอยู่ตามอัตภาพในฝั่งพม่า เมื่อไม่มีการสู้รบแล้ว ก็ควรกลับไปด้วยความสมัครใจ ไม่บังคับใดๆ
พล.ท.ทนงศักดิ์ กล่าวว่า ผู้ลี้ภัยเหล่านี้มาอยู่ในพื้นที่บ้านหนองบัวนานถึง 7 – 8 เดือนแล้ว สภาพพื้นที่ ที่อยู่อาศัย สิ่งอำนวยความสะดวกชั่วคราวต่างๆก็เสื่อมโทรมแล้ว เมื่อสถานการณ์ในฝั่งพม่าสงบ ตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดูแลอำนวยความสะดวกให้พวกเขากลับไปภูมิลำเนาต่อไป
“มันเป็นภาระที่ไม่ใช่หน้าที่จริงๆ แล้วหน้าที่ของเราคือ การดูแลให้ความปลอดภัย และดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน แต่พออยู่นานเกินไปจะกลายเป็นคนไทยโดยปริยาย หรือ จะยืดเยื้อเหมือนพื้นที่ชั่วคราวอื่นๆ ซึ่งไม่เกิดผลดีต่อประเทศไทย และโอกาสเบี่ยงเบนไปเป็นอย่างอื่น เช่น การสวมบัตรเป็นคนไทย หรือแอบเข้าไปพื้นที่ชั้นในก็จะมีมากขึ้นด้วย”
ขณะที่นายยิปซี ครูสอนเด็กนักเรียนในพื้นที่พักพิงผู้ลี้ภัยบ้านหนองบัวกล่าวว่า ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่พร้อมที่จะกลับไป แต่ขอให้ทางไทยช่วยดูแลเรื่องอาหาร ยารักษาโรค และอื่นๆ รวมทั้งเรื่องการศึกษา ก็พร้อมที่จะกลับไป