ไทยตั้งฐานปืนใหญ่พร้อมโต้กองกำลังต่างชาติล้ำชายแดนตาก

ตาก - ทหารไทยตั้งฐานปืนใหญ่ ที่ชายแดน พร้อมใช้มาตรการหนัก หากกองกำลังต่างชาติรุกล้ำอธิปไตย แม่ทัพภาค 3 ลุยตรวจสถานการณ์ชายแดนไทย-พม่า ท่าสองยาง พบผู้ลี้ภัยกว่า 1,700 คน มีแต่เด็กจำนวนมาก

รายงานข่าวจากจังหวัดตากแจ้งว่า ขณะนี้หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 แม่สอด ได้ตั้งฐานอาวุธปืนหนัก ที่ชายแดนไทยบ-พม่า อ.ท่าสองยาง จ.ตาก เพื่อเตรียมความพร้อม หากสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารพม่ากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงอิสระเคเอ็นยู.รุนแรงขึ้น โดยจะใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก เช่นแจ้งเตือน-ใช้กระสุนควันและยิงเตือน หากมีการรุกล้ำอธิปไตย และได้จัดวางกำลังทหาร ฉก.ร.4 และทหารพราน ที่ 35 ตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันอธิปไตย ดูแลชีวิตทรัพย์สินคนไทย ตอบโต้หากถูกกระทำการรุนแรง และ เฝ้าระวังเหตุร้าย

ขณะที่ พล.ท. ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน แม่ทัพภาคที่ 3 ได้เดินทางไปที่ตรวจสถานการณ์ ในพื้นที่ อำเภอท่าสองยาง จ.ตาก ในจุดที่เกิดเหตุการปะทะและมีผู้อพยพ เมื่อ 6 มิ.ย.52 ที่ผ่านมา เพื่อตรวจความพร้อมกำลังพลที่มีหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 อ.แม่สอด และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 อ.แม่สอด หลังจากนั้นเข้าไปดูผู้ลี้ภัยสงคราม 458 คน โดยพบกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง

ทั้งนี้ ได้รับรายงานว่ามีผู้ลี้ภัยสงครามเข้ามาอาศัยอยู่ในเขตไทยทั้งหมด 3 คือ บริเวณบ้านหนองบัว 1 แห่ง ในพื้นที่ตำบลแม่อุสุ อำเภอท่าสองยาง 2 แห่ง รวมผู้ลี้ภัยทั้งหมด 1,714 คน และยังคงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น พล.ท.ทนงศักดิ์ ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ทหารประสานกับหน่วยงานฝ่ายปกครองให้การดูแลผู้ลี้ภัยเป็นอย่างดี

ขณะที่ผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงส่วนมากเป็นเด็ก และคนชรา ส่วนคนหนุ่มและชายฉกรรจ์นั้นยังคงอยู่ในฝั่งพม่า ซึ่งคาดว่าหากมีการสู้รบอย่างหนักจะทะลักเข้ามาเขตไทยแน่นอน เนื่องจากรัฐบาลทหารพม่า หรือ SPDC (สภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ) มีแผนปฏิบัติการปราบปรามกะเหรี่ยงเคเอ็นยู.ขั้นเด็ดขาด ก่อนจัดการเลือกตั้งใหญ่ในพม่า ปี 2553

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับบรรยากาศในพื้นที่ที่ผู้ลี้ภัยอาศัยอยู่นั้นค่อนข้างลำบาก และนอนกระจัดกระจายกันภายในศาลาสำนักสงฆ์ ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ขณะที่ฝ่ายอนามัยตำบลแม่สอง และทหารพรานต่างเข้าไปดูแลเรื่องยารักษาโรค และด้านอนามัยต่างๆ โดยเจ้าหน้าที่ไทยพร้อมใช้หลักสากลด้านสิทธิมนุษยชนในการดูแลผู้อพยพ