xs
xsm
sm
md
lg

ชลบุรีเปิดที่ทำการกองทุนพัฒนาชุมชนรอบโรงไฟฟ้าศรีราชาอย่างเป็นทางการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา – จังหวัดชลบุรี เปิดที่ทำการกองทุนพัฒนาชุมชนรอบโรงไฟฟ้าเครือไทยออยล์แหลมฉบังเพาเวอร์และสหโคเจน อย่างเป็นทางการ เพื่อวางแนวทางการดูแลกองทุนกว่า 65 ล้านบาทต่อปี ให้มีประสิทธิภาพ

วันนี้ (27 ม.ค.53) ที่บริเวณศาลาประชาคมเทศบาลตำบลแหลมฉบัง (สี่แยกอ่าวอุดม) อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยนายสุนทร รัตนวราหะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดที่ทำการกองทุนพัฒนาชุมชนรอบโรงไฟฟ้าเครือไทยออยล์แหลมฉบังเพาเวอร์และสหโคเจน โดยมีข้าราชการและประชาชนรวบโรงไฟฟ้า ร่วมพิธีอย่างเนืองแน่น

นายสุนทร กล่าวว่า สำหรับกองทุนพัฒนาชุมชนรอบโรงไฟฟ้านั้น ทางคณะรัฐมนตรีได้ประชุมเมื่อวันที่ 19 มิถุยายน 2550 ที่ผ่านมา และลงมติเห็นชอบการจัดตั้งกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อจัดหาเงินทุนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและสิ่งแวดล้อมในชุมชนพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ซึ่งได้รับผลกระทบจากการสร้างโรงไฟฟ้า และเพื่อสร้างสรรค์มิติใหม่ของการอยู่ร่วมกันระหว่างชุมชนกับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่จะเป็นแนวทางพัฒนาที่มั่นคงและยั่งยืน

กองทุนพัฒนาชุมชนพื้นที่ในรอบโรงไฟฟ้าเครือไทยออยล์ แหลมฉบังเพาเวอร์ และ สหโคเจน นั้น มีกรอบนโยบายการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลักและให้ความสำคัญกับพื้นที่ชั้นในที่ได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรกโดยจัดสรรเป็นกองทุนไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ ดังนี้ คือ 1. เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอาชีพและคุณภาพชีวิตของชุมชน 2. สนับสนุนการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม กีฬาและดนตรี 3. สนับสนุนการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม 4. สนับสนุนการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน และ 5. เป็นหลักประกันเพื่อชดเชยความเสียหายทันที จากผลกระทบที่มีสาเหตุจากโรงไฟฟ้า

นายสุนทร กล่าวต่อไปว่า สำหรับการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ซึ่งจะพิจารณาการจัดเก็บในอัตราที่แตกต่างกันตามชนิดของเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน เช่น ผลิตจากก๊าซธรรมชาติ เก็บ 1.0 สตางค์/หน่วย โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเป็นผู้จัดเก็บและส่งเข้ากองทุนฯ ตามกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้า ซึ่งสำหรับกองทุนโรงไฟฟ้าของอำเภอศรีราชา สามารถจัดเก็บเงินเข้ากองทุนประมาณปีละ กว่า 65 ล้านบาท

ด้านนายเสนีย์ กล่าวถึงกองทุนพัฒนาชุมชนรอบโรงไฟฟ้าดังกล่าว ทางคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วย ข้าราชการ นักวิชาการ ,ประชาชน และตัวแทนโรงไฟฟ้า เข้ามาบริหารดูแลโครงการนี้ให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งการพัฒนาและดูแลหรือให้การสนับสนุนโครงการต่างๆนั้นควรจะให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของชุมชนนั้นๆ ให้มีการพัฒนาและสามารถอยู่ควบคู่กันไปอย่างยั่งยืน เพราะที่ผ่านมา เมื่อเกิปัญหาหรือผลกระทบจากโรงงานอุตสาหกรรมหรือโรงไฟฟ้าแล้ว จะเป็นการสร้างปัญหาของทั้ง 2 ฝ่าย แต่เมื่อมีกองทุนนี้ขึ้นมา ปัญหาต่างๆคงจะหมดไปอย่างแน่นอน

ขณะนี้มีหลายโครงการที่ได้รับความเห็นชอบและอนุมัติโครงการไปแล้ว หลายโครงการ เช่น การก่อสร้างเมรุเผาศพแบบไร้ควัน , การก่อสร้างลานเอนกประสงค์ในการออกกำลังกายเพื่อให้ห่างไกลยาเสพติด

กำลังโหลดความคิดเห็น