xs
xsm
sm
md
lg

"น้ำตาลมิตรกาฬสินธุ์"ทุ่ม 1.6 พันล้านขยายโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนแห่งที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คณะกรรมการไตรภาคีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนบริษัทน้ำตาลมิตรกาฬสินธุ์ จำกัด จัดประชุมสัญจรครั้งที่ 1 ประจำปี 2553  เพื่อรับฟังแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและเฝ้าระวังปัญหาสิ่งแวดล้อมให้กับชุมชนรอบโรงงาน โดยมีตัวแทนจากส่วนราชการ ตัวแทนจากโรงงานน้ำตาลมิตรกาฬสินธุ์ จำกัดและประชาชนเข้าร่วมกว่า 100 คน ที่ศาลาวัดบ้านกกตาล ม.4 ต.บัวขาว อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์
กาฬสินธุ์-บริษัทน้ำตาลมิตรกาฬสินธุ์ทุ่มงบ 1,600 ล้าน ขยายโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนแห่งที่ 2 ด้านคณะกรรมการไตรภาคีเดินหน้าลงพื้นที่รับฟังข้อเสนอแนะ และเฝ้าระวังปัญหาสิ่งแวดล้อมให้กับชุมชนรอบโรงงาน

ที่ศาลาวัดบ้านกกตาล ม.4 ต.บัวขาว อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ นายโกสินทร์ ศรีเพชรพงษ์ นายอำเภอกุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการไตรภาคีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนบริษัทน้ำตาลมิตรกาฬสินธุ์ จำกัด เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการไตรภาคีสัญจรครั้งที่ 1 ประจำปี 2553 เพื่อรับฟังแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและเฝ้าระวังปัญหาสิ่งแวดล้อมให้กับชุมชนรอบโรงงาน โดยมีตัวแทนจากส่วนราชการ ตัวแทนจากโรงงานน้ำตาลมิตรกาฬสินธุ์ จำกัดและประชาชนเข้าร่วมกว่า 100 คน

นายโกสินทร์ ศรีเพชรพงษ์ นายอำเภอกุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการไตรภาคีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนบริษัทน้ำตาลมิตรกาฬสินธุ์ จำกัด กล่าวว่า เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้ผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่ใช้พลังงานหมุนเวียน ซึ่งนำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น แกลบ ชานอ้อย เศษไม้ ปาล์ม กะลา เหง้ามันปะหลังมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าทดแทนการนำเข้าถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติจากต่างประเทศ

ประกอบกับกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานหรือสนพ.ได้สนับสนุนให้ภาคเอกชนที่มีความสามารถลงทุนผลิตไฟฟ้าและขายเข้าระบบของการไฟฟ้า เพื่อเป็นการลดต้นทุนของภาครัฐในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า

นายโกสินทร์ กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาและติดตามแก้ไขผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากโครงการโรงไฟฟ้าจึงได้มีการตั้งคณะกรรมการไตรภาคีขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่เสริมสร้างความรู้ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชุมชนและโรงไฟฟ้า ตลอดจนเป็นการลงพื้นที่รับทราบปัญหาเพื่อนำมาแก้ไข การเฝ้าระวังปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อประชาชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า เพื่อประโยชน์และให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดกับประชาชน

ด้านนางวาสนา สนทอง รักษาการผู้จัดการฝ่ายผลิตน้ำตาล บริษัทน้ำตาลมิตรกาฬสินธุ์ จำกัด กล่าวว่า คณะกรรมการไตรภาคีได้ลงพื้นที่ในชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งมีการจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการกับประชาชนในชุมชนรอบโรงไฟฟ้า ให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมกับชุมชนและนักเรียน เพื่อป้องกันมลภาวะและเสริมสร้างสิ่งแวดล้อมกับชุมชน

นางวาสนา กล่าวต่อว่า ในอนาคตบริษัทน้ำตาลมิตรกาฬสินธุ์คาดการณ์ว่า ต่อไปผลผลิตอ้อยจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงได้มีโครงการขยายโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนแห่งที่ 2 ขึ้น เพื่อเอาไว้ใช้งานในโรงงานน้ำตาล โรงไฟฟ้า โรงงานเอทานอล และขายให้กับการไฟฟ้า โดยจะใช้งบประมาณทั้งหมด 1,610 ล้านบาท แต่เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ลงทุนค่อนข้างสูง จึงต้องมีการยื่นขอรับการสนับสนุนการลงทุน จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือBOI ซึ่งขณะนี้ก็ได้รับการอนุมัติแล้ว

โรงไฟฟ้าแห่งที่ 2 จะสร้างแล้วเสร็จและสามารถผลิตไฟฟ้าได้ภายในปี 2554 อย่างแน่นอน ทั้งนี้ทางบริษัทฯได้ลงพื้นที่ออกแบบสอบถาม และทำประชาคมกับชุมชนเพื่อแสดงความคิดเห็นกับโครงการขยายโรงไฟฟ้าแล้ว

ปัจจุบันโรงไฟฟ้าหมุนเวียนแห่งแรกสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 39.5 เมกะวัตต์ ใช้ในโรงงานทั้ง 3 แห่ง 18.5 เมกะวัตต์ และขายให้การไฟฟ้าไป 16 เมกะวัตต์ สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนแห่งที่ 2 ซึ่งกำลังจะก่อสร้างจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 32 เมกะวัตต์ โดยจะขายให้กับการไฟฟ้า 25 เมกะวัตต์

กำลังโหลดความคิดเห็น