xs
xsm
sm
md
lg

“สหพัฒน์” ปลื้มยอดทะลุ 1.2 แสนล.ผุดสารพัดโปรเจกต์ที่ศรีราชา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทนง ศรีจิตร์
ศูนย์ข่าวศรีราชา - เครือสหพัฒน์โอ่แม้ปี52 เศรษฐกิจซบเซา แต่ยอดขายสินค้าในเครือฯยังดีทะลุ 1.2 แสนล้านบาท ปีเสือ ประกาศเดินหน้าสารพัดโปรเจกต์ ที่หนุนชุมชน ในเขตสวนอุตสาหกรรมสหพัฒน์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี มุ่งสร้างศักยภาพการศึกษาชุมชนท้องถิ่น พร้อมประสานวัฒนธรรมประเพณีไทย-ญี่ปุ่น และส่งเสริมศักยภาพชุมชนโดยรอบ ทั้งทุ่มงบอีก 50 ล้านบาท ผุดตลาดนัดชุมชน พร้อมเตรียมเจรจาผู้ร่วมทุนชาวญี่ปุ่นเปิดตัวพลาซา สำหรับรองรับชาวญี่ปุ่นในพื้นที่ ขณะเดียวกันยังมีแผนเปิดสถานีขนส่งแห่งใหม่เอาใจแรงงาน และเดินหน้าทุ่มงบเพื่อจัดหาพลังงานทดแทน


นายทนง ศรีจิตร์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ลำพูน และสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์กบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เปิดเผยว่า แม้ในปี 2552 ภาวะเศรษฐกิจของประเทศจะชะลอตัวและมีการเลิกจ้างงานจำนวนมาก แต่ยอดขายสินค้าที่ผลิตโดยเครือสหพัฒน์ กลับมีตัวเลขสูงกว่า 1.2 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ เนื่องจากโรงงานซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ ส่วนใหญ่เป็นโรงงานที่ผลิตสินค้าเพื่อการอุปโภคและบริโภคที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะมาม่า พบว่ายอดขายเติบโตขึ้นมาก

ขณะที่โรงงานซึ่งผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนยานยนต์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ก็ส่งสัญญาณฟื้นตัวตั้งแต่กลางปี 2552 และคาดว่าทิศทางเศรษฐกิจในปี 2553 จะดีขึ้นตลอดทั้งปี ซึ่งก็จะทำให้ยอดขายสินค้าของเครือสหพัฒน์ เติบโตไม่น้อยกว่า 10%

“ในปี 2552 ถือว่าเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำถึงที่สุดแล้ว ดังนั้นในปีนี้ก็จะถึงภาวะดีดกลับ และเราก็เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวรวมถึงการจ้างงานที่เพิ่มมากขึ้น แต่ปัญหาก็คือในปีนี้ภาคอุตสาหกรรมยังจะต้องเจอปัญหาขาดแคลนแรงงานฝีมือเช่นเดียวกับครึ่งปีหลัง 2552 เพราะในปี 2552 ภาคการเกษตรเติบโตมาก โดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้น เมื่อเกิดการเลิกจ้างในช่วงต้นปีแรงงานที่มาจากต่างจังหวัดก็กลับไปทำเกษตร และเมื่อราคาสินค้าเกษตรดีแรงงานเหล่านี้ก็ไม่กลับเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม ดังนั้น ภาพที่จะเห็นสำหรับภาคอุตสาหกรรมในปี 2553 ก็คือการทุ่มงบประมาณเพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีขีดความสามารถในการทำงานมากขึ้น รวมถึงการจัดซื้อเครื่องจักรกลที่จะใช้ทดแทนแรงงานคน”

พื้นที่ก่อสร้างศูนย์วัฒนธรรมวาเซดะ ซึ่งนายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ได้เป็นประธานในพิธียกเสาเอกในช่วงปลายปี 2552
ประเทศในกลุ่มอาเซียนได้ร่วมกันจัดตั้งเขตการค้าเสรี ซึ่งจะทำให้ประเทศสมาชิกได้ส่วนลดอัตราภาษี กรณีนี้จะทำให้เครือสหพัฒน์มีโอกาสในการขายสินค้าให้แก่ประเทศต่างๆ มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเครือสหพัฒน์ ได้ผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกและส่งไปจำหน่ายในหลายประเทศแถบเอเชีย และในปี 2553 จะขยายพื้นที่ส่งออกไปยังประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซียอีกด้วย

ปีเสือมุ่งลงทุนหนุนชุมชน

นายทนงเผยถึงแผนการลงทุนในปี 2553 ของเครือสหพัฒน์ว่า นอกจากจะให้ความสำคัญด้านการศึกษา ซึ่งในช่วงปลายปีที่ผ่านมา บมจ.สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง ได้บริจาคพื้นที่กว่า 2 ไร่ในต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ให้บริษัท วาเซดะ เอ็ดดูเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทลูกและยังเป็นผู้บริหารโรงเรียนภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นวาเซดะ กรุงเทพฯ ใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างอาคารศูนย์วัฒนธรรมนานาชาติวาเซดะ สำหรับเปิดการเรียนการสอนภาษาญี่ปุ่นและยังเป็นศูนย์แลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม โดยมีเจ้าของภาษาเป็นผู้สอนแห่งแรกและแห่งเดียวในต่างจังหวัดภายใต้งบลงทุนกว่า 40 ล้านบาท โดยจะเปิดการเรียนการสอนได้ในเดือนตุลาคมปีนี้แล้ว เร็วๆ นี้ยังจะเจรจากับผู้ร่วมทุนชาวญี่ปุ่น เพื่อเปิดตัวพลาซ่า สำหรับชาวญี่ปุ่นในเนื้อที่ 22 ไร่ ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังโรงเรียนเพื่อให้เป็นชุมชนแห่งใหม่สำหรับชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่อีกด้วย

นอกจากนั้นยังจะทุ่มงบประมาณอีก 50 ล้านบาท ผุดไนต์พลาซา ในรูปแบบตลาดนัดชุมชน เพื่อเปิดโอกาสให้ชุมชนที่อยู่โดยรอบเครือสหพัฒน์ ได้นำสินค้าที่มีในท้องถิ่น สินค้าโอทอปและอาหารทะเลเข้ามาจำหน่ายให้แก่พนักงานที่ทำงานในสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ ศรีราชา และประชาชนทั่วไป ซึ่งไนต์พลาซาแห่งนี้จะตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้กันกับโรงเรียนภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นวาเซดะ โดยจะใช้พื้นที่ที่เหลือประมาณ 30-40 ไร่ดำเนินการและคาดว่าจะเปิดขายสินค้าที่มีล็อกจำหน่ายไม่น้อยกว่า 300 ล็อกในทุกวันได้ในกลางปีนี้

ที่สำคัญเครือสหพัฒน์ยังมีแผนที่จะเปิดให้บริการสถานีขนส่งแห่งใหม่ในพื้นที่ที่เหลือ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พนักงานที่มาจากต่างจังหวัดและชุมชนโดยรอบให้สามารถเดินทางไปยังต่างจังหวัดได้สะดวก โดยไม่ต้องเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

“เรายังส่งเสริมการลงทุนด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งขณะนี้เรามีบริษัทลูกที่เข้ามาดูแลด้านสิ่งแวดล้อมในส่วนอุตสาหกรรมฯ และจัดตั้งห้องแล็บ เพื่อวิเคราะห์ปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ เช่นเดียวกับการลงทุนเพื่อจัดหาพลังงานทดแทน ซึ่งที่ผ่านมาเครือสหพัฒน์ได้ลงทุนด้านนี้ค่อนข้างเยอะ โดยมีทั้งการจัดทำพลังงานชีวมวล ที่ขณะนี้กำลังก่อสร้างโรงงานอยู่ที่จังหวัดลำพูน ส่วนที่ศรีราชา จะเน้นการจัดทำโซลาร์เซลล์ เพื่อเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมให้เป็นพลังงานไฟฟ้า ขณะเดียวกันยังเปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาที่จังหวัดราชบุรีอีกด้วย ” นายทนง กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น