xs
xsm
sm
md
lg

เตรียมชมจันทรุปราคาส่งท้ายปี ขณะนักดาราศาสตร์ระบุไม่มีดาวนิบิรุในสารระบบจักรวาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ฉะเชิงเทรา -เตรียมเคาท์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่า พร้อมชมจันทรุปราคาบางส่วนหลังก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ รับปี 2553 คืนนี้ แต่เห็นเงาแหว่งหายไปเพียงเล็กน้อย แค่ 10 เปอร์เซ็นต์ ขณะนักดาราศาสตร์เตือนสติประชาชน ระบุไม่มีดาวนิบิรุในสารระบบของแกแล็กซี่ และจักรวาล หลังมีผู้คนจำนวนมากพากันตื่นตะนก แห่สอบถามเข้ามายังหอดูดาวบัณฑิตเป็นจำนวนมาก จากภาพยนตร์ป่วนโลก 21 ธ.ค.2012 วันโลกาวินาศ ย้ำไม่มีจริงอย่างแน่นอน

วันนี้(31 ธ.ค.52) ที่หอดูดาวบัณฑิต ตลาดบางบ่อ อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา นายวรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต นักดาราศาสตร์ภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย กล่าวเปิดเผยว่า ในคืนวันนี้ (31 ธ.ค.52) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของปี 2552 ขณะที่ผู้คนทั้งประเทศ และทั่วโลกกำลังนั่งนับถอยหลัง (เคาท์ดาวน์) เตรียมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2553 นั้น บนท้องฟ้าเมืองไทย และอีกหลายทวีป จะเห็นการเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาบางส่วน หลังก้าวเข้าสู่ศักราชปีใหม่ 2553 ได้เพียง 17 นาทีเท่านั้น

ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะสามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งประเทศไทย ในทุกภูมิภาคโดยตลอด รวมทั้งประเทศในแถบทวีป อัฟริกา ยุโรป และเอเชีย แต่จะเห็นการเว้าแหว่งของดวงจันทร์แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น หรือแค่เพียง 10 เปอร์เซ็นต์ ทางด้านทิศใต้ โดยจะเริ่มเข้าสู่เงามัวหลังจากเที่ยงคืนไปแล้ว ในเวลา 00 นาฬิกา 17 นาที 7 วินาที หรือ 00.17.07 น. และจะเริ่มเข้าเงามืดในเวลา 01.52.44 น. เข้าสู่กึ่งกลางคราสในเวลา 02.23.45 น. เริ่มออกจากเงามืดในเวลา 02.52.42 น. และออกจากเงามัวในเวลา 04.28.15 น.จนจบสิ้นปรากฏการณ์ ส่วนประเทศในแถบ อเมริกา และแคนนาดา นั้น จะไม่เห็นปรากฏการณ์นี้

สำหรับเรื่องเกี่ยวกับ ดาวนิบิรุ ที่มีผู้คนพากันตื่นตะนก หวาดกลัว และพากันสอบถามเข้ามายังหอดูดาวบัณฑิต ถึงดาวดวงนี้เป็นจำนวนมาก จากการดูภาพยนตร์เรื่องดังจากเมืองนอก (21 ธ.ค.2012 วันโลกาวินาศ หรือวันสิ้นโลก) ในช่วงก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา และมีการตีแผ่ข่าวสารถึงดาวดวงดังกล่าวนี้ อย่างกว้างขวาง ทั้งในสื่อต่างๆ และทางอินเทอร์เน็ตนั้น

ว่า จะมีดาวเนบิรุ (Planet X NIBIRU) ที่มีวงโคจรตัดกับวงโคจรของโลก และจะโคจรผ่านเข้ามาใกล้โลกในทุกๆ 3600 ปี โดยที่ในปี 2012 จะเคลื่อนตัวโคจรเข้ามาใกล้โลกมากที่สุดอีกครั้ง ซึ่งจะเริ่มเห็นดาวดวงนี้ได้นับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นไป ด้วยกล้องดูดาวในแถบขั้วโลกใต้ และในปี 2011 จะเห็นได้ด้วยตาเปล่า และจะมีสีแดงขนาดใหญ่เท่ากับดวงจันทร์

ส่วนในปีปี 2012 จะเริ่มมีปฏิกิริยาต่อมวลสภาพอากาศบนพื้นโลก โดยที่จะมีเศษหินในอวกาศที่มากับดาวนิบิรุ ตกลงมายังพื้นโลกเป็นจำนวนมากเป็นฝนดาวตก และเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกทั้งใบนับตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. ค.ศ.2012 เป็นต้นไป โดยในวันที่ 14 ก.พ.2013 จะส่งผลทำให้แกนแม่เหล็กของโลกเปลี่ยนไป

ในขณะที่โลก ดาวนิบิรุ และดวงอาทิตย์ จะโคจรเข้ามาอยู่ในแนวระนาบแกนเดียวกัน จนทำให้โลกหยุดหมุนรอบตัวเองนานถึง 3 วัน แผ่นดินจะแยกตัวออกเป็นเสี่ยงๆ น้ำทะเลจะเกิดเป็นคลื่นยักษ์สึนามิขนาดใหญ่ พัดถล่มเข้าหาฝั่งตามเมืองต่างๆ แนวชายฝั่งทะเล เมื่อแผ่นดินแยกตัวเคลื่อนไปตามเปลือกโลก จะทำให้มีลาวาพุ่งไหลทะลักออกมาเป็นภูเขาไฟอย่างมากมาย ตามที่มีผู้คนพากันสอบถามมานั้น

ทางหอดูดาวบัณฑิต และในวงการดาราศาสตร์ทั่วไป ขอยืนยันว่าไม่มีดาวดวงดังกล่าวจริงในสารระบบของแกแล็กซี่ หรือมีเข้ามาโคจรอยู่ในระบบของจักรวาลแต่อย่างใด ซึ่งหากน้ำจะท่วมโลกนั้น อาจจะมีสาเหตุมาจากเรื่องอื่นๆมากกว่า โดยเฉพาะเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน จากก๊าซเรือนกระจก ที่ขึ้นไปปกคลุม และทำลายชั้นบรรยากาศของโลก จนทำให้น้ำแข็งทั่วโลกละลาย ส่งผลทำให้ระดับน้ำทะเลสูง และอุ่นขึ้น จนเกิดการระเหยกลายเป็นไอขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศจำนวนมาก จนเกิดเป็นพายุที่มีลูกขนาดใหญ่ขึ้น จะมีโอกาสความเป็นไปได้มากกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น