xs
xsm
sm
md
lg

เลือกซ่อม ส.ส.มหาสารคามศึกวัดบารมี-ศักดิ์ศรี “เพื่อแม้ว-ภูมิใจห้อย”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มหาสารคาม - เลือกตั้งซ่อม ส.ส.มหาสารคามเดือด “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” ประกาศศึกส่งผู้สมัครชิงเก้าอี้ เพื่อวัดบารมีและศักดิ์ศรี งานนี้ต่างฝ่ายต่างแพ้ไม่ได้ ชี้ “ประยุทธ์” ตัวแทนเสื้อแดงถือแต้มเหนือกว่า แต่หากคะแนนสงสารเทให้ “คมคาย” ฝ่ายเสื้อน้ำเงินก็มีสิทธิ์ลุ้น


จังหวัดมหาสารคาม มีประชากรทั้งสิ้น 938,187 คน มี ส.ส.ได้ 6 คน แบ่งเขตเลือกตั้งเป็น 2 เขต ซึ่งการเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 3 มกราคม 2553 ครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งในเขต 1 อันประกอบด้วย อ.เมืองมหาสารคาม อ.โกสุมพิสัย อ.กันทรวิชัย (อ่านว่า กันทะระวิชัย) อ.เชียงยืน อ.กุดรัง อ.ชื่นชม ซึ่งมีประชากรในเขตเลือกตั้งที่ 1 ทั้งสิ้น 464,474 คน มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 351,063 คน
นางคมคาย อุดรพิมพ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคภูมิใจไทย
ในสนามเลือกตั้งซ่อมเขต 1 มหาสารคาม ครั้งนี้นับว่าเป็นการต่อสู้กันระหว่างพรรคเพื่อไทย และภูมิใจไทย โดยพรรคภูมิใจไทยได้ส่งนางคมคาย อุดรพิมพ์ ลงสู้ศึกครั้งนี้

ส่วนพรรคเพื่อไทยได้ส่งนายประยุทธ์ ศิริพานิช ลงสนามเลือกตั้ง ซึ่งทั้ง 2 พรรคที่ส่งตัวแทนลงสู้ศึกในครั้งนี้ เป็นการวัดฐานเสียงว่า ภูมิใจไทยจะสามารถเบียดแซงได้เก้าอี้เพิ่มหรือไม่ เพื่อไทยยังครองใจคนมหาสารคามได้อยู่หรือเปล่า


ถึงแม้ว่าการสู้ศึกของ 2 พรรคครั้งนี้ การแพ้ชนะคงไม่ทำให้ฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ได้เปรียบเสียเปรียบจนทำให้เกิดการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง แต่เพื่อเป็นการเตรียมตัวปรับกระบวนยุทธ์ในการเลือกตั้งใหญ่ ถ้ามีการยุบสภาเกิดขึ้น

หากจะว่าไปแล้วการเลือกตั้งครั้งนี้ถือว่าเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี คู่ต่อสู้ทั้ง 2 สูสีกันมาก เพราะต่างก็มีฐานเสียงที่ถือเป็นขุมกำลังสำคัญอย่างมากมาย คะแนนเสียงสูสีกันมาก ฉะนั้นการต่อสู้ในครั้งนี้ถือได้ว่าทั้ง 2 ฝ่ายต้องเหนื่อยกันหน่อย

โดยนางคมคาย อุดรพิมพ์ ผู้สมัครหมายเลข 1 พรรคภูมิใจไทย ถือได้ว่าชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือคุ้นหูชาวบ้านร้านตลาด เพราะลงสมัครสู้ศึกเลือกตั้งมาทั้ง ส.ว. และ ส.ส.มาแล้วหลายสนาม สมหวังบ้างผิดหวังบ้าง แต่ก็ลงพื้นที่ตลอด อีกทั้งยังเป็นภรรยานายยิ่งยศ อุดรพิมพ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด

นอกจากนี้ยังมีดีกรีเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ จากผลงานที่ผ่านมา การลงพื้นที่ เรียกคะแนนเข้าถึงชาวบ้าน

งานนี้นางคมคายน่าจะได้คะแนนสงสารจากชาวบ้านไม่มากก็น้อย เพราะฐานเสียงของคมคายได้มาจากสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ที่มีถึง 30 คน กระจายไปทุกอำเภอ และมีฐานคะแนนที่มั่นคงที่ อ.เมือง และ อ.กันทรวิชัย สำหรับผลงานที่ผ่านมาก็มีให้ชาวบ้านเห็นเป็นรูปธรรม นั่นคือ ถนนไร้ฝุ่น ภัยแล้ง เป็นต้น ส่วนแนวทางการหาเสียงก็คงขอความเห็นใจจากชาวบ้าน
นายประยุทธ์  ศิริพานิชย์ ตัวแทนคนเสื้อแดง
ส่วนผู้สมัครหมายเลข 2 นายประยุทธ์ ศิริพานิช จากพรรคเพื่อไทย ที่กรรมการพรรคมีมติส่งลงสนามต่อสู้ เพราะก่อนหน้านี้ ได้มีการเตรียมส่งตัวแทนพรรคเพื่อไทยลงสมัครเลือกตั้งซ่อม เช่น นายขจิต ชัยนิคม อดีต ส.ส.มหาสารคาม ที่ถูกใบเหลือง และนายสุทิน คลังแสง อดีต ส.ส.มหาสารคาม ก็ต้องการที่จะส่งบุตรชาย หรือไม่ก็น้องชายลงสมัครเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้ แต่ในที่สุดกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยก็มีมติส่งนายประยุทธ์ ศิริพานิช ลงสมัคร

เพราะนายประยุทธ์ เป็นนักการเมืองอาชีพ มีความสามารถทางการเมืองที่หาตัวจับยาก จากประวัติส่วนตัว นายประยุทธ์ เคยได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ถึง 7 สมัย เป็นอดีต รมต. ถึง 5 กระทรวง จนได้รับฉายา “หัวเขียง” จากหน้าตาและทรงผมที่ตัดเกรียน


นอกจากนี้ นายประยุทธ์ ยังมี นายจิรวัฒน์ ศิริพานิช บุตรชายเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้นายประยุทธ์ มีฐานคะแนนเสียงอยู่ที่ อ.โกสุมพิสัย และอ.กุดรัง ส่วนแนวทางการหาเสียงก็ได้จาก ส.ส.พรรคไทยรักไทยในพื้นที่ ซึ่งมีถึง 5 คน อีกทั้งบวกกับความนิยมในพรรคเพื่อไทยยังมีอยู่ จึงเชื่อว่าสนามเลือกตั้งนี้สูสีมาก

เพราะผลของการได้ที่นั่ง ส.ส.มาอีกที่นั่งเดียวไม่อาจส่งผลให้มีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง อีกทั้งผู้ที่ได้เป็น ส.ส.ก็ไม่ทราบว่าจะอยู่ได้อีกกี่เดือน จึงเชื่อได้ว่าพรรคแต่ละพรรคคงปล่อยให้เป็นการต่อสู้ของผู้สมัครอย่างแท้จริง ไม่มีการลงทุนเหมือนสนามใหญ่ ฉะนั้นการเลือกตั้งในวันที่ 3 มกราคม 2553 อาจจะจืดชืดสักหน่อย

ส่วนบรรดาเซียนการเมืองยังคงยกความได้เปรียบให้กับนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ นักการเมืองรุ่นอาวุโส และอาศัยกระแสพรรคยังพอหากินได้ในภาคอีสาน จึงได้เปรียบคมคาย อุดรพิมพ์ แต่ถ้าคมคายมีคะแนนสงสารมาบ้าง การสู้ศึกครั้งนี้ก็คงจะสูสี และเป็นที่น่าจับตามอง
กำลังโหลดความคิดเห็น