“เป็ดเหลิม” ผงกหัวรับคำสั่งนายใหญ่ แห่ทัพ “เพื่อไทย” ชุดใหญ่หาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.มหาสารคาม ย้ำต้องชนะหวังกู้หน้ากระแสนิยมตก เผยจุดประเด็นโจมตี รบ. และไม่ลืมขอ ปชช. ช่วยพา “นช.แม้ว” กลับประเทศเหมือนเดิม ด้าน “เด็จพี่” ทำเอาขำกลิ้ง ลืมดูอดีตพรรคผุดไอเดีย “รากหญ้าอาสาปราบโกง”
วันนี้ (26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงาน ความเคลื่อนไหวในการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.มหาสารคาม ซึ่งเป็นการแข่งขันกันระหว่างนายประยุทธ์ ศิริพานิช ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย กับนางคมคาย อุดรพิมพ์ ผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทย ว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยได้ขนทัพใหญ่ โดยระดม ส.ส.ทุกจังหวัดในภาคอีสานไปช่วยนายประยุทธ์ ตามคำสั่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่าจะต้องเอาชนะ เพื่อตอกย้ำกระแสของพรรคเพื่อไทยว่ายังคงเหนียวแน่น โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นหัวหอกนำขบวนแห่และขึ้นเวทีปราศรัย สำหรับเนื้อหาการปราศรัยนั้นจะเน้นโจมตีรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล ถึงการบริหารงานช่วงปีที่ผ่านมา และขอให้ประชาชนช่วยสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เลือกผู้สมัครของพรรค เพื่อนำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศไทยเมื่อโอกาสมาถึง ขณะที่ส.ส.อีสานได้แบ่งโซนดูแล กระจายกำลังไปขอคะแนนเสียงทั่วทุกตำบล ขณะเดียวกันยังได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาตั้งเวทีปราศรับแบบคู่ขนานด้วย ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้ทำการโฟนอินเข้ามาด้วยแทบทุกครั้ง ตามรูปแบบ “สกลนครโมเดล”
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในปี 2553 พรรคเพื่อไทย จะเดินหน้าตรวจสอบการทุจริตอย่างเข้มข้น จริงจัง โดยตั้งหน่วย “รากหญ้าอาสาปราบโกง” ขึ้นทุกพื้นที่ทั่วประเทศ หน่วยดังกล่าวจะเป็นอาสาสมัคร สมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นประชาชน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ซึ่งผ่านการอบรมมาแล้ว โดยจะเข้าไปตรวจสอบ หาหลักฐาน เก็บข้อมูลเบื้องต้น ในการทุจริตรูปแบบต่างๆ จากนั้นจะส่งข้อมูลหลักฐานมายังส่วนกลางของพรรค สำนักงานปราบโกง รวมทั้งทีมกฎหมายของพรรค ก่อนเดินทางลงพื้นที่ไปติดตามขยายผล เพราะที่ผ่านมาเกิดการทุจริตหลายกรณีที่พรรคได้รับทราบและเกิดขึ้นจริง แต่มีการกลบเกลื่อน ปกปิดข่าว ทำลายหลักฐานไปเสียก่อน ดังนั้นจึงจัดตั้งหน่วย “รากหญ้าอาสาปราบโกง” ขึ้นมาทำงานในส่วนนี้ เบื้องต้นจะมีศูนย์กลางที่กรุงเทพฯ นครราชสีมา เชียงใหม่ ชลบุรี สงขลา และภูเก็ต ก่อนขยายไปทั่วทุกจังหวัด เพราะพรรคให้ความสำคัญต่อเรื่องการทุจริตคอรัปชันที่เฟื่องฟูสร้างความรังเกียจให้ประชาชนอย่างมากในรัฐบาลชุดนี้