นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมเขต 1 มหาสารคาม เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า จากการรายงานผลปรากฏว่า นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ได้ 111,394 คะแนน นางคมคาย อุดรพิมพ์ ผู้สมัครจากพรรคภูมิใจไทยได้ 110,158 คะแนน และนายบุญธร อุปนันท์ พรรคแทนคุณแผ่นดินได้ 2,037 คะแนน โดยมีผู้มาใช้สิทธิร้อยละ 65.84 มีบัตรดี 96.26 ใบ บัตรเสีย ร้อยละ 1.09 และบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน ร้อยละ 2.66
สำหรับผู้ที่ได้การเลือกตั้งมีเรื่องร้องเรียน 1 เรื่อง คือใส่ร้ายให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของ กกต.จว. จึงไม่อาจประกาศรับรองได้ภายใน 7 วัน โดยกกต. จะได้เร่งสอบสวนให้เสร็จภายใน 30 วัน หากยังไม่แล้วเสร็จ ก็อาจจำเป็นต้องประกาศรับรองผลไปก่อน
อย่างไรก็ตาม คะแนนของผู้ชนะกับคนที่ได้ที่ 2 ห่างกันประมาณพันกว่าคะแนนนั้น หากมีมูล หรือมีข้อเท็จจริงก็สามารถนำมาร้องให้ กกต.นับคะแนนใหม่ได้ แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีเรื่องเรียนดังกล่าว
ส่วนการเลือกตั้งล่วงหน้า เขต 1 จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 2-3 ม.ค.ที่ผ่านมา มีผู้มาใช้สิทธิประมาณ 12,000 คน ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับครั้งที่แล้ว ที่มีผู้มาใช้สิทธิล่วงหน้า 8,000 คน ซึ่งหวังว่าในวันเลือกตั้งจริง วันที่ 10 ม.ค. น่าจะมีผู้มาใช้สิทธิไม่น้อยกว่า 60 %
**ระดมทัพใหญ่ไปปราจีนฯ
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอขอบคุณพี่น้องชาว จ.มหาสารคาม ที่ยังสนับสนุนผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันในนโยบายของพรรคเพื่อไทย และยังเป็นการยืนยันถึงความศรัทธาเชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทย สำหรับการเลือกตั้งซ่อม ที่ จ.ปราจีนบุรีนั้นพรรคก็หวังว่าประชาชนจะให้ความเมมตากับผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ในการเลือกตั้งซ่อม จ.ปราจีนบุรี นั้น พรรคเพื่อไทยจะระดม ส.ส.ทั่วประเทศกว่า 80 คนลงพื้นที่ นำโดย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส .ส.พรรคเพื่อไทย โดยจะปราศรัยเน้นนโยบายที่ล้มเหลวของรัฐบาล และแนวทางการแก้ไขของพรรคเพื่อไทย เพราะถือว่าวันนี้ประชาชนเลือกข้างแล้ว โดยผลการเลือกตั้งที่ จ.มหาสารคาม แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ประชาชนเลือกข้าง
**ภท.ปรับกลยุทธสู้ใหม่
ด้านนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม ที่ จ.มหาสารคาม ว่า เรารู้อยู่แล้วว่าจะต้องแพ้ เพราะผู้ใหญ่ในพรรคก็ไม่ได้ลงพื้นที่ช่วยหาเสียง แต่ผลคะแนนออกมาใกล้เคียงกันมาก เป็นการแสดงให้เห็นว่า ความนิยมของพรรคภท. มีมากขึ้น ทั้งๆ ที่พรรคไม่ได้หาเสียงเต็มที่ แต่ก็ดีใจที่แพ้แค่ 1,000 คะแนน เพราะหากพรรคพยายามมากกว่านี้ คงจะได้
ส่วนจะมีการตรวจสอบบัตรที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนนที่มีมากกว่า 6,000 ใบ หรือไม่นั้น กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่
สำหรับการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ปราจีนบุรีใน วันที่ 10 ม.ค.นี้ พรรคต้องมีการปรับกลยุทธอย่างแน่นอน แต่ยังบอกไม่ได้ และพรรคจะใช้เวลาหาเสียงมากกว่าที่ จ.มหาสารคาม
**ชี้คะแนนนิยม"แม้ว"แผ่วไปมาก
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สัญญาณการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.มหาสารคาม น่าที่จะอธิบายความพร้อมของพรรคเพื่อไทยได้ว่า การเลือกตั้งในคะแนน 1 แสน ต่อ 1 คน ที่มีผลแตกต่างแค่หลักพัน ตนคิดว่าทำให้สมาชิกพรรคเพื่อไทย พวกที่ชอบออกมาอวดดี ปากกล้า วันนี้คงต้องขาสั่น เพราะเชื่อว่าคะแนนที่ต่างกันแค่ 1 พัน เป็นผลจากกระแสของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่อยู่ในภาคอีสาน ไม่ได้เป็นที่นิยมอย่างที่พรรคเพื่อไทยอวดอ้าง แต่มี 2 ปัจจัยหลักที่ทำให้กระแสของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตกในภาคอีสาน คือ 1. การที่พ.ต.ท.ให้สัมภาษณ์จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงผ่านไทมส์ออนไลน์ ซึ่งกระทบจิตใจคนไทยอย่างยิ่ง และ 2. พฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่สมคบกับสมเด็จ ฮุนเซน เป็นการทรยศชาติ คนไทยรับไม่ได้ สองข้อนี้เป็นคำอธิบายให้คนในภาคอีสานรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้รักประชาชนจริง แต่รักตัวเองมากกว่า ทั้งที่กลุ่มคนเสื้อแดงทำทุกทางเพื่อให้ได้มาเพื่อหวังผลทางจิตวิทยาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับความนิยมในภาคอีสาน แต่คะแนนที่ห่างกันแค่ 1 พัน ถือเป็นการชนะท่ามกลางความพ่ายแพ้ ของพ.ต.ท.ทักษิณ
นายเทพไท กล่าวอีกวา อยากให้จับตามองไปที่การเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ปราจีนบุรี ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทั้งที่พรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงพยายามทำทุกทาง ซึ่งวิธีการหาเสียงไม่แน่ใจว่าจะขัดต่อ พ.ร.บ.พรรคการเมืองหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการที่กลุ่มคนเสื้อแดงตั้งเวทีปราศรัย มีดนตรี เปิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินหาเสียงให้กับผู้สมัครของตัวเอง จึงอยากถามว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นการจัดมหรสพ หรือการหาเสียงที่ผิดกฎหมายหรือไม่ จึงอยากให้ กกต.และพรรคการเมืองที่เป็นคู่แข่งเข้าไปตรวจสอบ เพราะไม่อยากให้คนเหล่านี้ทำผิดกฎหมายจนได้รับชัยชนะ
สำหรับผู้ที่ได้การเลือกตั้งมีเรื่องร้องเรียน 1 เรื่อง คือใส่ร้ายให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของ กกต.จว. จึงไม่อาจประกาศรับรองได้ภายใน 7 วัน โดยกกต. จะได้เร่งสอบสวนให้เสร็จภายใน 30 วัน หากยังไม่แล้วเสร็จ ก็อาจจำเป็นต้องประกาศรับรองผลไปก่อน
อย่างไรก็ตาม คะแนนของผู้ชนะกับคนที่ได้ที่ 2 ห่างกันประมาณพันกว่าคะแนนนั้น หากมีมูล หรือมีข้อเท็จจริงก็สามารถนำมาร้องให้ กกต.นับคะแนนใหม่ได้ แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีเรื่องเรียนดังกล่าว
ส่วนการเลือกตั้งล่วงหน้า เขต 1 จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 2-3 ม.ค.ที่ผ่านมา มีผู้มาใช้สิทธิประมาณ 12,000 คน ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับครั้งที่แล้ว ที่มีผู้มาใช้สิทธิล่วงหน้า 8,000 คน ซึ่งหวังว่าในวันเลือกตั้งจริง วันที่ 10 ม.ค. น่าจะมีผู้มาใช้สิทธิไม่น้อยกว่า 60 %
**ระดมทัพใหญ่ไปปราจีนฯ
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอขอบคุณพี่น้องชาว จ.มหาสารคาม ที่ยังสนับสนุนผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันในนโยบายของพรรคเพื่อไทย และยังเป็นการยืนยันถึงความศรัทธาเชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทย สำหรับการเลือกตั้งซ่อม ที่ จ.ปราจีนบุรีนั้นพรรคก็หวังว่าประชาชนจะให้ความเมมตากับผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ในการเลือกตั้งซ่อม จ.ปราจีนบุรี นั้น พรรคเพื่อไทยจะระดม ส.ส.ทั่วประเทศกว่า 80 คนลงพื้นที่ นำโดย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส .ส.พรรคเพื่อไทย โดยจะปราศรัยเน้นนโยบายที่ล้มเหลวของรัฐบาล และแนวทางการแก้ไขของพรรคเพื่อไทย เพราะถือว่าวันนี้ประชาชนเลือกข้างแล้ว โดยผลการเลือกตั้งที่ จ.มหาสารคาม แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ประชาชนเลือกข้าง
**ภท.ปรับกลยุทธสู้ใหม่
ด้านนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม ที่ จ.มหาสารคาม ว่า เรารู้อยู่แล้วว่าจะต้องแพ้ เพราะผู้ใหญ่ในพรรคก็ไม่ได้ลงพื้นที่ช่วยหาเสียง แต่ผลคะแนนออกมาใกล้เคียงกันมาก เป็นการแสดงให้เห็นว่า ความนิยมของพรรคภท. มีมากขึ้น ทั้งๆ ที่พรรคไม่ได้หาเสียงเต็มที่ แต่ก็ดีใจที่แพ้แค่ 1,000 คะแนน เพราะหากพรรคพยายามมากกว่านี้ คงจะได้
ส่วนจะมีการตรวจสอบบัตรที่ไม่ประสงค์จะลงคะแนนที่มีมากกว่า 6,000 ใบ หรือไม่นั้น กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่
สำหรับการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ปราจีนบุรีใน วันที่ 10 ม.ค.นี้ พรรคต้องมีการปรับกลยุทธอย่างแน่นอน แต่ยังบอกไม่ได้ และพรรคจะใช้เวลาหาเสียงมากกว่าที่ จ.มหาสารคาม
**ชี้คะแนนนิยม"แม้ว"แผ่วไปมาก
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สัญญาณการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.มหาสารคาม น่าที่จะอธิบายความพร้อมของพรรคเพื่อไทยได้ว่า การเลือกตั้งในคะแนน 1 แสน ต่อ 1 คน ที่มีผลแตกต่างแค่หลักพัน ตนคิดว่าทำให้สมาชิกพรรคเพื่อไทย พวกที่ชอบออกมาอวดดี ปากกล้า วันนี้คงต้องขาสั่น เพราะเชื่อว่าคะแนนที่ต่างกันแค่ 1 พัน เป็นผลจากกระแสของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่อยู่ในภาคอีสาน ไม่ได้เป็นที่นิยมอย่างที่พรรคเพื่อไทยอวดอ้าง แต่มี 2 ปัจจัยหลักที่ทำให้กระแสของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตกในภาคอีสาน คือ 1. การที่พ.ต.ท.ให้สัมภาษณ์จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงผ่านไทมส์ออนไลน์ ซึ่งกระทบจิตใจคนไทยอย่างยิ่ง และ 2. พฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่สมคบกับสมเด็จ ฮุนเซน เป็นการทรยศชาติ คนไทยรับไม่ได้ สองข้อนี้เป็นคำอธิบายให้คนในภาคอีสานรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้รักประชาชนจริง แต่รักตัวเองมากกว่า ทั้งที่กลุ่มคนเสื้อแดงทำทุกทางเพื่อให้ได้มาเพื่อหวังผลทางจิตวิทยาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับความนิยมในภาคอีสาน แต่คะแนนที่ห่างกันแค่ 1 พัน ถือเป็นการชนะท่ามกลางความพ่ายแพ้ ของพ.ต.ท.ทักษิณ
นายเทพไท กล่าวอีกวา อยากให้จับตามองไปที่การเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ปราจีนบุรี ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทั้งที่พรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงพยายามทำทุกทาง ซึ่งวิธีการหาเสียงไม่แน่ใจว่าจะขัดต่อ พ.ร.บ.พรรคการเมืองหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการที่กลุ่มคนเสื้อแดงตั้งเวทีปราศรัย มีดนตรี เปิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินหาเสียงให้กับผู้สมัครของตัวเอง จึงอยากถามว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นการจัดมหรสพ หรือการหาเสียงที่ผิดกฎหมายหรือไม่ จึงอยากให้ กกต.และพรรคการเมืองที่เป็นคู่แข่งเข้าไปตรวจสอบ เพราะไม่อยากให้คนเหล่านี้ทำผิดกฎหมายจนได้รับชัยชนะ
