ศูนย์ข่าวเชียงใหม่- ไทยวาง 3 เงื่อนไขรับนำเข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลง FTA อาเซียน (AFTA) ย้ำต้องปลอด GMOs-มีใบรับรองสุขอนามัยฯ-ต้องขออนุญาตนำเข้า
วันนี้ (23 ธ.ค.) น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นประธานเปิดงานเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็นเรื่องการเปิดตลาดสินค้าเกษตรใต้พันธกรณี AFTA ณ ห้อง นัทนา 2 โรงแรมฮอลิเดย์อิน จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเกษตรกรผู้ประกอบการสินค้า ชา กาแฟ เมล็ดถั่วเหลือง และข้าวโพด ภาคเหนือ เข้าร่วมประชุมอย่างคับคั่ง
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีข้อตกลงภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA)ซึ่งจะต้องลดภาษีนำเข้าระหว่างประเทศให้เหลือ ร้อยละ 0 ภายในปี 2553 ทั้งยังต้องยกเลิกโควตานำเข้าสินค้าชนิดนั้นๆ ด้วย
ในวันที่ 1 มกราคม 2553 ไทยต้องยกเลิกโควตานำเข้าสินค้า 10 ประเภท ได้แก่ เมล็ดถั่วเหลือง ข้าว เมล็ดกาแฟ ชา กาแฟสำเร็จรูป น้ำนมดิบและนมปรุงแต่ง นมผงขาดมันเนย มะพร้าว เนื้อมะพร้าวแห้งและน้ำมันมะพร้าว และลดภาษีนำเข้า เหลือร้อยละ 0 สำหรับสินค้า 8 รายการ และเหลือร้อยละ 5 สำหรับสินค้า เมล็ดกาแฟ และเนื้อมะพร้าวแห้ง ซึ่งผู้ประกอบการมีความกังวลว่าการลดภาษีและยกเลิกโควตานำเข้า อาจจะทำให้มีการนำเข้าเพิ่มมากขึ้นจนส่งผลกระทบต่อการผลิตและการค้า
ดังนั้น ภาครัฐที่เกี่ยวข้องจึงได้ร่วมกันกำหนดแนวทางรองรับการเปิดตลาดเพื่อให้สามารถดูแลได้อย่างใกล้ชิดและนำเข้าเฉพาะสินค้าที่มีคุณภาพดีเท่านั้น โดยแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ได้แก่ ปลอด GMOs มีใบรับรองสุขอนามัยของพืช กำหนดให้เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตนำเข้า
รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวอีกว่า การยกเลิกโควตา และภาษีนำเข้าสินค้าเกษตร ไทยต้องปฏิบัติตามโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งอาจจะทำให้สินค้าจากอาเซียนมีต้นทุนลดลง โดยเฉพาะข้าวไทย ซึ่งเราเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก จึงไม่น่าจะกังวล อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้วางมาตรการรองรับไว้อย่างรอบคอบ นอกจากนี้ ไทยอาจใช้ความได้เปรียบทางด้านเทคโนโลยีการผลิตในการเป็นศูนย์กลางการผลิตของอาเซียนด้วย
