ปัตตานี - กศน.ปัตตานี จัดเวทีกินน้ำชาเสวนาคุณธรรม เผยแพร่หลักคุณธรรมนำชีวิตภายใต้หลักคำสอนของศาสนาอิสลามและแผนการจัดการเรียนรู้และสื่อคุณธรรมสู่ชุมชน ตามโครงการวิจัยเนื้อหาและแนวทางสื่อสารหลักคุณธรรมนำชีวิตในสังคมพหุวัฒนธรรมตามหลักศาสนาอิสลาม
วันนี้ (14 ธ.ค.) เวลา 10.00 น. ที่โรงแรมเชาท์เทิร์ทวิว สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จ.ปัตตานี (กศน.)ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยอิสลามยะลาและมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จัดสัมมนา กินน้ำชาเสวนาคุณธรรม เพื่อเผยแพร่เนื้อหาหลักคุณธรรมนำชีวิตภายใต้หลักคำสอนของศาสนาอิสลามและแผนการจัดการเรียนรู้และสื่อคุณธรรม โดยมีผู้เข้าร่วม ผู้นำศาสนา ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้าส่วนราชการ ครู นักศึกษา ภาคประชาสังคม สื่อมวลชน เข้าร่วม 200 คน
ในงานในภาคเช้ามีการจัดเวทีกินน้ำชาเสวนาคุณธรรม มีผู้เข้าร่วมเสวนา ประกอบด้วย ดร.สีลาภรณ์ บัวสาย รอง ผอ. สนง.กองทุนสนับสนุนการวิจัย นายอรัญ คงนวลใย ผอ.สถาบันการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยภาคใต้ ดร.อมรวิชช์นาครทรรพ ผอ.สถาบันรามจิตติ โดยมี ดร.สุกรี หลังปูเต๊ะ คณบดีคณะศึกษาศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา เป็นผู้ดำเนินรายการ ส่วนในภาคบ่ายเป็นการเสวนาหัวข้อการนำคุณธรรมสู่การปฏิบัติ
นายอุดร สิทธิพาที รักษาการผู้อำนวยการสำนักงาน กศน.จังหวัดปัตตานี กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยเนื้อหาและแนวทางสื่อสารหลักคุณธรรมนำชีวิตในสังคมพหุวัฒนธรรมตามหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งได้ด้ำเนินการมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2551 และเสร็จสิ้นในเดือนธันวาคม 2552 โครงการวิจัยดังกล่าวเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพแบบมีส่วนร่วมที่ได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน ผลการวิจัยได้เนื้อหาหลักคุณธรรมนำชีวิตตามหลักศานาอิสลาม ได้แผนการจัดการเรียนรู้สำหรับใช้ในการจัดการเรียนรู้ของศูนย์ กศน.ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และได้สื่อตัวอย่างสำหรับการเผยแพร่หลักคุณธรรมอิสลามสู่สาธารณ
“คุณธรรมเป็นเรื่องจำเป็นที่ทุกภาคส่วนในสังคมต้องตระหนักและให้ความสำคัญ เพราะบ้านเมืองจะเจริญก้าวหน้า ผาสุกได้ ขึ้นอยู่กับคน หากคนมีคุณภาพมีคุณธรรมการพัฒนาและแก้ไขปัญหาต่างๆก็จะทำได้โดยง่าย ประกอบกับเดือนนี้เป็นเดือนมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การได้มาพูดคุยเรื่องคุณธรรมเป็นสิ่งที่ดี และจะได้นำสิ่งดีดีที่ได้จากการพูดคุยในเวทีวันนี้ไปขยายผลและนำไปปฏิบัติเกิดเป็นรูปธรรมในพื้นที่ต่อไป”