ตาก- “ผาแดง” ร่อนหนังสือชี้แจง หลังสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ร่วมกับสภาทนายความ ฟ้อง 6 หน่วยงานรัฐข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้ทำเหมืองแร่สังกะสี จนสารแคดเมียมกระจายในพื้นที่ 3 ตำบลใน อ.แม่สอด จ.ตาก
รายงานข่าวจากจังหวัดตาก แจ้งว่า บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด(มหาชน) ได้ออกหนังสือชี้แจงปัญหาสารปนเปื้อนแคดเมียม หลังจากสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ยื่นฟ้อง 6 หน่วยงานรัฐ กล่าวหากรณีเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้มีการประกอบการทำเหมืองแร่สังกะสี จนทำให้สารแคดเมียมแพร่กระจาย และกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ในพื้นที่ 3 ตำบล ใน อ.แม่สอด จ.ตาก คือ ต.แม่ตาว ต.แม่กุ และพระธาตุผาแดง
โดยบริษัทผาแดงฯ ในฐานะผู้ประกอบการเหมืองแร่รายหนึ่งในพื้นที่ดังกล่าวยืนยันว่าได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ และไม่เคยได้รับคำสั่งจากหน่วยงานใดของรัฐให้ยุติการทำเหมืองแร่
พร้อมกับยืนยันอีกว่า บริษัทได้จัดทำอีไอเอทุกครั้งที่ยื่นขอรับสิทธิ์การดำเนินงาน
ส่วนสาเหตุการปนเปื้อนของสารแคดเมียมในลุ่มน้ำแม่ตาวนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุได้ว่าเกิดจากอะไร โดยยืนยันว่าบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการตรวจสอบการดำเนินงานของบริษัทแล้ว พบว่า เป็นไปตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและเงื่อนไขที่กำหนดโดยหน่วยงานภาครัฐทุกประการ
อย่างไรก็ตาม การตรวจพบว่า ประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่ตาวมีสารแคดเมียมในร่างกาย เกินค่ามาตรฐานนั้น ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต และไม่ใช่การเจ็บป่วยที่เกิดจากได้รับสารแคดเมียมโดยตรง ซึ่งผู้ป่วยในกลุ่มดังกล่าวได้รับการดูแลจากโรงพยาบาลแม่สอดอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่บริษัทมีมาตรการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับคนในชุมชน ด้วยการให้ความร่วมมือในทุกด้านกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้เมื่อวานที่ผ่านมา ( 11 ธ.ค.52) ทนายความซึ่งเป็นผู้แทนจากสภาทนายความร่วมกับสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้พาราษฎรจำนวน 32 คน ซึ่งเป็นประชาชน จาก 3 ตำบลลุ่มน้ำแม่ตาว (ต.แม่กุ -ต.แม่ตาว-และ ต.พระธาตุผาแดง) ที่ได้รับผลกระทบจากสาร โดยได้ไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองจังหวัดพิษณุโลก ที่จังหวัดพิษณุโลก เพื่อให้ดำเนินคดีกับ 6 หน่วยงานรัฐ ประกอบด้วย คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ คณะกรรมการควบคุมมลพิษ คณะกรรมการพัฒนาที่ดิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ โดยคำฟ้องระบุว่าหน่วยงานของรัฐปล่อยให้มีผลกระทบเกิดขึ้น จากการให้อนุญาตและให้สัมปทาน 2 บริษัท ทำเหมืองแร่สังกะสี
การยื่นฟ้อง 6 หน่วยงานของรัฐ ของสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน นั้นเกิดจากการที่สมาคมฯ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนลุ่มน้ำแม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก ที่ได้รับผลกระทบจากสารแคดเมียม ที่เกิดจากกระบวนการของบริษัทที่ทำเหมืองแร่สังกะสี 2 แห่งในพื้นที่ โดยสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนได้ทำการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน พยานทางวิทยาศาสตร์ ข้อมูลวิจัย ข้อมูลสุขภาพชาวบ้าน เก็บตัวอย่างจากเลือดชาวบ้าน ตัวอย่างจากสารปนเปื้อนในเมล็ดข้าว ให้สถาบันทางวิชาการได้ตรวจเพื่อใช้เป็นข้อมูลทางหลักฐานทางคดี เพื่อเป็นข้อมูลหลักฐานประกอบการฟ้อง 6 หน่วยงานรัฐ เรียกร้อง ให้ผู้ถูกฟ้องคดี ประกาศพื้นที่ทั้ง 3 ตำบลเป็นเขตคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ขั้นตอนหลังจากนี้ ศาลปกครองจะพิจารณาว่า คดีที่ฟ้องมามีพยานหลักฐานและข้อมูลเพียงพอหรือเข้าข่ายอำนาจของศาลปกครองหรือไม่ หากศาลรับฟ้อง ก็จะมีขั้นตอนการไต่สวนทั้งผู้ฟ้องร้อง และผู้ถูกฟ้องร้องต่อไป
ราษฎรชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยงปากะญอ คนหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก ที่ได้เดินทางไปร่วมกับเพื่อนๆอีก 32 คน ที่ได้รับผลกระทบกับสารปนเปื้อนแคดเมียม กล่าวว่า ชาวเขาที่อาศัยอยู่หมู่บ้าน ได้รับผลกระทบเพราะอยู่ใกล้แหล่งการทำเหมือง ทั้งเรื่องน้ำกิน และการเกษตร นาข้าวที่ปลูกมีสารปนเปื้อน ที่ผ่านมาได้มีการแก้ไข ไม่ให้ชาวบ้านปลูกข้าวกิน แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะวิถีชีวิตชาวไทยภูเขาต้องอยู่ในพื้นที่ และทุกวันนี้ชาวบ้านยังปลูกข้าวกินเองในพื้นที่ปนเปื้อนสารแคดเมียม แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
รายงานข่าวจากจังหวัดตาก แจ้งว่า บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด(มหาชน) ได้ออกหนังสือชี้แจงปัญหาสารปนเปื้อนแคดเมียม หลังจากสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ยื่นฟ้อง 6 หน่วยงานรัฐ กล่าวหากรณีเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้มีการประกอบการทำเหมืองแร่สังกะสี จนทำให้สารแคดเมียมแพร่กระจาย และกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ในพื้นที่ 3 ตำบล ใน อ.แม่สอด จ.ตาก คือ ต.แม่ตาว ต.แม่กุ และพระธาตุผาแดง
โดยบริษัทผาแดงฯ ในฐานะผู้ประกอบการเหมืองแร่รายหนึ่งในพื้นที่ดังกล่าวยืนยันว่าได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ และไม่เคยได้รับคำสั่งจากหน่วยงานใดของรัฐให้ยุติการทำเหมืองแร่
พร้อมกับยืนยันอีกว่า บริษัทได้จัดทำอีไอเอทุกครั้งที่ยื่นขอรับสิทธิ์การดำเนินงาน
ส่วนสาเหตุการปนเปื้อนของสารแคดเมียมในลุ่มน้ำแม่ตาวนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุได้ว่าเกิดจากอะไร โดยยืนยันว่าบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการตรวจสอบการดำเนินงานของบริษัทแล้ว พบว่า เป็นไปตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและเงื่อนไขที่กำหนดโดยหน่วยงานภาครัฐทุกประการ
อย่างไรก็ตาม การตรวจพบว่า ประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่ตาวมีสารแคดเมียมในร่างกาย เกินค่ามาตรฐานนั้น ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต และไม่ใช่การเจ็บป่วยที่เกิดจากได้รับสารแคดเมียมโดยตรง ซึ่งผู้ป่วยในกลุ่มดังกล่าวได้รับการดูแลจากโรงพยาบาลแม่สอดอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่บริษัทมีมาตรการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับคนในชุมชน ด้วยการให้ความร่วมมือในทุกด้านกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้เมื่อวานที่ผ่านมา ( 11 ธ.ค.52) ทนายความซึ่งเป็นผู้แทนจากสภาทนายความร่วมกับสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้พาราษฎรจำนวน 32 คน ซึ่งเป็นประชาชน จาก 3 ตำบลลุ่มน้ำแม่ตาว (ต.แม่กุ -ต.แม่ตาว-และ ต.พระธาตุผาแดง) ที่ได้รับผลกระทบจากสาร โดยได้ไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองจังหวัดพิษณุโลก ที่จังหวัดพิษณุโลก เพื่อให้ดำเนินคดีกับ 6 หน่วยงานรัฐ ประกอบด้วย คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ คณะกรรมการควบคุมมลพิษ คณะกรรมการพัฒนาที่ดิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ โดยคำฟ้องระบุว่าหน่วยงานของรัฐปล่อยให้มีผลกระทบเกิดขึ้น จากการให้อนุญาตและให้สัมปทาน 2 บริษัท ทำเหมืองแร่สังกะสี
การยื่นฟ้อง 6 หน่วยงานของรัฐ ของสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน นั้นเกิดจากการที่สมาคมฯ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนลุ่มน้ำแม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก ที่ได้รับผลกระทบจากสารแคดเมียม ที่เกิดจากกระบวนการของบริษัทที่ทำเหมืองแร่สังกะสี 2 แห่งในพื้นที่ โดยสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนได้ทำการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน พยานทางวิทยาศาสตร์ ข้อมูลวิจัย ข้อมูลสุขภาพชาวบ้าน เก็บตัวอย่างจากเลือดชาวบ้าน ตัวอย่างจากสารปนเปื้อนในเมล็ดข้าว ให้สถาบันทางวิชาการได้ตรวจเพื่อใช้เป็นข้อมูลทางหลักฐานทางคดี เพื่อเป็นข้อมูลหลักฐานประกอบการฟ้อง 6 หน่วยงานรัฐ เรียกร้อง ให้ผู้ถูกฟ้องคดี ประกาศพื้นที่ทั้ง 3 ตำบลเป็นเขตคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ขั้นตอนหลังจากนี้ ศาลปกครองจะพิจารณาว่า คดีที่ฟ้องมามีพยานหลักฐานและข้อมูลเพียงพอหรือเข้าข่ายอำนาจของศาลปกครองหรือไม่ หากศาลรับฟ้อง ก็จะมีขั้นตอนการไต่สวนทั้งผู้ฟ้องร้อง และผู้ถูกฟ้องร้องต่อไป
ราษฎรชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยงปากะญอ คนหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก ที่ได้เดินทางไปร่วมกับเพื่อนๆอีก 32 คน ที่ได้รับผลกระทบกับสารปนเปื้อนแคดเมียม กล่าวว่า ชาวเขาที่อาศัยอยู่หมู่บ้าน ได้รับผลกระทบเพราะอยู่ใกล้แหล่งการทำเหมือง ทั้งเรื่องน้ำกิน และการเกษตร นาข้าวที่ปลูกมีสารปนเปื้อน ที่ผ่านมาได้มีการแก้ไข ไม่ให้ชาวบ้านปลูกข้าวกิน แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะวิถีชีวิตชาวไทยภูเขาต้องอยู่ในพื้นที่ และทุกวันนี้ชาวบ้านยังปลูกข้าวกินเองในพื้นที่ปนเปื้อนสารแคดเมียม แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
