xs
xsm
sm
md
lg

ผอ.โรงเรียนควงครูแนะแนวลุยสางปัญหาเงินกองทุนลูกฮีโร่แท็กซี่แล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ฉะเชิงเทรา - ผอ.โรงเรียนฮึดเอาจริง ควงครูแนะแนวเข้าพบพัฒนาสังคมแปดริ้วฯ ลุยสางปัญหาเงินกองทุนลูกฮีโร่แท็กซี่แล้ว หลังเกิดปัญหาวุ่นวายเรื่องการเบิกจ่าย พร้อมเตรียมเรียกทุกฝ่ายเจรจาหาช่องออก ขณะครูแนะแนวโอดครวญ ที่ผ่านมาทำไปด้วยความหวังดีต่อเด็ก แต่กลับได้ผลร้ายเป็นสิ่งตอบแทน

วันนี้ (8 ธ.ค.52 ) เวลา 11.30 น. ที่ห้องทำงาน หัวหน้าสำนักงานพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา นายโสภณ สุขเสวี ผู้อำนวยการโรงเรียนพนมอดุล วิทยา อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยครูแนะแนว ได้เดินทางมาเข้าพบกับ นางกัญญ์ฐญาณ์ ภู่สวาสดิ์ หัวหน้าสำนักงานฯ แต่ปรากฏว่าไม่อยู่ จึงได้พบกับนางกษินฤดี พัฒนโสภณ หัวหน้ากลุ่มนโยบายและวิชาการ สำนักงานพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา แทน เพื่อเจรจาหาทางออกถึงปัญหา

กรณี น.ส.ศรีกัลยา อุ่นแก้ว อายุ 15 ปี อยู่เลขที่ 7/5 ม.9 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา บุตรสาวของ “นายชัยวัฒน์ อุ่นแก้ว” อดีตคนขับแท็กซี่ฮีโร่ ที่เสียชีวิตลงขณะกำลังลงไปช่วยเหลือสังคม ด้วยการโบกให้สัญญาณเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้แก่ผู้ร่วมเส้นทาง พร้อมโทรศัพท์แจ้งเหตุเข้ารายการวิทยุ “ร่วมด้วยช่วยกัน” ท่ามกลางสายฝนพรำ บนความมืดมิดกลางท้องถนนช่วงดึกสงัด หลังพบกองดินก้อนโต ตกหล่นเรี่ยราดออกมาจากรถบรรทุกอยู่ตามรายทาง บนถนนสายพระราม 9

ก่อนถูกรถยนต์ยี่ห้อหรู “โฟล์ค ตู้” พุ่งเข้าชนร่างอย่างจัง จนกระเด็นข้ามฝั่งถนนไปตกยังอีกด้าน และถูกรถยนต์กระบะที่แล่นสวนทางมาพุ่งชนซ้ำจนเสียชีวิตลงในที่สุด เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้ามืดของคืนวันที่ 16 ก.ย.45 เวลา 02.15 น. ด้วยวัย 39 ปี ก่อนที่จะทิ้งบุตรสาว ซึ่งขณะนั้นวัยเพียง 8 ขวบ และเป็นทายาทเพียงคนเดียวไว้ให้แก่สังคมเยียวยา ท่ามกลางกระแสสังคมที่เล็งเห็นถึงคุณค่าในขณะนั้นต่างหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้ ด้วยการบริจาคเงินเข้ามาเป็นกองทุนเพื่อทดแทนคุณความดีที่ผู้เป็นบิดาได้เสียสละชีวิตเพื่อสังคม จนได้เป็นเงินก้อนโตจำนวนหนึ่ง

ร้องเรียนถึงปัญหาการเบิกจ่ายเงินกองทุน เพื่อนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันว่า เป็นไปด้วยความยากลำบาก และระยะหลังไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ตามที่ได้เสนอข่าวผ่านไปแล้วนั้น

หลังการเข้าร่วมเจรจาหารือของทั้งสองฝ่าย นายโสภณ กล่าวว่า จากนี้ตนจะได้เดินทางไปเข้าพบกับ นายภุชงค์ รังสินธุ์ นายอำเภอพนมสารคาม เพื่อปรึกษาหาทางออกให้ โดยจะเปลี่ยนตัวผู้มีสิทธิในการเบิกจ่ายเงินออกจากบัญชีธนาคาร จากครูแนะแนวของทางโรงเรียน ไปเป็นฝ่ายปกครอง หรือผู้แทนท้องที่ ซึ่งอาจเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เนื่องจากเด็กไม่ได้เป็นนักเรียนของทางโรงเรียนแล้ว หลังจากนั้นจะได้นัดหมายทุกฝ่าย ซึ่งประกอบด้วย นายอำเภอท้องที่ ญาติหรือผู้ปกครองของ น.ส.ศรีกัลยา พัฒนาสังคมฯจังหวัด และทางโรงเรียน เพื่อเจรจาตกลงกันอีกครั้ง

ส่วนนางกษินฤดี กล่าวว่า ทางพัฒนาสังคมฯ จะได้สอบข้อเท็จจริงถึงความจำเป็น ในการใช้จ่ายของครอบครัวเด็กว่า มีความจำเป็นอย่างใดบ้าง เพื่อปรับสภาพให้นายอำเภอรับรู้ และสามารถเบิกเงินได้สะดวกที่สุดเพื่อใช้จ่ายในการดำรงชีวิต สำหรับข้อกำหนดเดิมที่ให้สองในสามของผู้มีชื่อในบัญชี โดยมีโรงเรียน ผู้ปกครอง และพัฒนาสังคมฯ เป็นผู้เบิกจ่ายนั้น เมื่อเวลาเปลี่ยนไป ทำให้เด็กได้พ้นสภาพจากนักเรียนแล้ว จึงต้องหารือเพื่อปรับสภาพกันใหม่อีกครั้ง

โดยอาจจะให้ผู้ปกครองท้องที่ โดยจะเป็นผู้ใหญ่บ้าน หรือนายก อบต. ผู้ปกครอง หรือตัวเด็กเองได้รับรู้ และให้โอกาสสำหรับการที่จะต้องพูดคุยกันว่า เขาจะสามารถรับผิดชอบตัวเองได้ถึงระดับไหน แต่จะไม่มีข้อกำหนดว่าจะนำเงินไปใช้จ่ายอย่างไรบ้าง เมื่อพ้นสภาพจากการเป็นนักเรียน ก็คงต้องปรับเปลี่ยนเป็นการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และการใช้จ่ายเพื่อดูแลชีวิตใหม่ที่ได้เกิดขึ้นมาแล้ว เพราะเงินจำนวนนี้ นับวันมีแต่จะหมดลงไม่มีเพิ่ม ทุกคนก็หวังดีกันว่าจะให้เขาได้ใช้ได้นานที่สุด เท่าที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ จนว่าเด็กนั้นจะบรรลุนิติภาวะ หรือสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ปัจจุบันยังคงมียอดเงินในบัญชี ซึ่งเปิดไว้กับธนาคารทหารไทย จำนวน 1,059,144.12 บาท

ขณะที่ ครูแนะแนวของโรงเรียน กล่าวว่า ตั้งแต่เมื่อเด็กเข้ามาเรียนในโรงเรียนเมื่อชั้น ม.1 ทางโรงเรียนก็ได้ให้เบิกใช้จ่ายตลอดตามกติกาที่ได้ตกลงกันไว้ คือ ปีละไม่เกิน 5.1 หมื่นบาท โดยเทอมแรกของปีการศึกษา เมื่อเปิดเทอมมาจะให้จ่าย 1 หมื่นบาทก่อน เพื่อนำไปใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์การเรียน และให้จ่ายรายเดือนอีก เดือนละ 3,000 บาท ซึ่งก็ได้จ่ายให้มาโดยตลอด

จนกระทั่งเมื่อเดือน พ.ค.52 หลังเปิดภาคเรียนใหม่ ทางญาติ (ภรรยาของนายสุชิน ผู้เป็นอา) ได้เข้ามาแจ้งว่าเด็กตั้งครรภ์ และได้ย้ายไปอยู่กับสามี แต่ว่าจะขอเบิกเงินรายเดือนเหมือนเดิม คือ เดือนละ 3 พันบาท ซึ่งตนเองนั้นไม่ทราบว่า เมื่อเด็กไม่ได้อยู่ในสภาพของนักเรียนแล้ว ตนเองจะมีสิทธิที่จะเบิกจ่ายเงินจากกองทุนนี้ให้ได้อีกหรือไม่ เพราะตามข้อตกลงนั้น ทางโรงเรียนจะต้องดูแลเด็กจนกว่าจะจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จึงได้ให้ญาติติดต่อแจ้งมายังพัฒนาสังคมฯ ว่า เด็กไม่ได้เรียนหนังสือแล้วจะดำเนินการอย่างไรต่อไป หลังจากนั้นก็ไม่ได้รับการติดต่อจากทางญาติอีก

จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 9 ต.ค.52 ญาติ (สองสามีภรรยาผู้เป็นอา) ได้เข้ามาติดต่อบอกว่า เด็กนั้นใกล้จะคลอดบุตรแล้ว และจะเบิกเงินไปซื้ออุปกรณ์เด็กอ่อน จำนวน 36,000 บาท ตามค่าใช้จ่ายรายเดือนที่ตกเบิก ซึ่งตนเองนั้นเห็นว่าจำนวนเงินนั้นสูงมาก จึงได้ขอให้ติดต่อมายังพัฒนาสังคมฯว่า จะให้เบิกยอดนี้หรือไม่ เพราะเห็นว่าเด็กนั้นไม่ได้มาด้วย และเด็กก็ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับผู้เป็นอาแล้ว แต่ทางญาติก็ไม่สามารถที่จะติดต่อกับทางหัวหน้าพัฒนาสังคมฯ ได้ จากนั้นตนจึงได้ขอเบอร์โทรศัพท์มาติดต่อเอง แต่ก็ติดต่อไม่ได้เช่นกัน และมาทราบภายหลังว่า หัวหน้าพัฒนาสังคมฯ นั้นได้ออกนอกพื้นที่ และไม่มีใครในสำนักงานจะสามารถให้คำตอบในเรื่องนี้ได้

ซึ่งตนเองนั้นเห็นว่าเด็กกำลังจะใกล้คลอด จึงได้ทำตามมนุษยธรรมยอมเบิกจ่ายเงินให้ไปก่อน 5 พันบาท เพื่อซื้ออุปกรณ์ของใช้เด็กอ่อน ต่อมาทางสำนักงานพัฒนาสังคมจึงได้ติดต่อกลับมายังโรงเรียนว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการที่จะให้นายอำเภอพนมสารคาม มาเป็นผู้ดูแลแทนโรงเรียน และจะเร่งทำเรื่องให้แล้วเสร็จ ก่อนที่เด็กจะคลอดบุตร จากนั้นก็เงียบหายไปอีก จนถึงวันที่ 1 ธ.ค.52 จึงได้รับการติดต่อจากพัฒนาสังคมว่า ขณะนี้เด็กคลอดบุตรแล้ว ให้จ่ายเงินให้แก่ผู้ปกครองที่จะมาเบิกด้วย เพราะว่าเด็กกำลังเดือดร้อน จึงตกลงกันว่าให้จ่ายเงินไปจำนวน 20,000 บาท

พร้อมกล่าวตัดพ้ออีกว่า ที่ผ่านมานั้นตนทำไปเพราะความหวังดีต่อเด็ก โดยการให้เบิกจ่ายตามความจำเป็น เพราะเกรงว่าเด็กจะนำเงินไปใช้จ่ายอย่างไม่ระมัดระวัง เนื่องจากเงินกองทุนก้อนนี้ นับวันก็มีแต่จะหมดไปทุกขณะ และที่ผ่านมาหลังจากเด็กได้หายหน้าออกจากโรงเรียนไปกลางคัน ก็ไม่เคยได้พบหน้ากันอีก หรือเข้ามาติดต่อขอเบิกจ่ายใช้เงินด้วยตนเองแต่อย่างใด มีเพียงญาติเท่านั้นเป็นผู้เข้ามาติดต่อขอเบิกเงิน จึงไม่รู้ว่าผู้ที่จะมาขอเบิกเงินไปนั้น จะนำเงินไปให้เด็กใช้จ่ายตามความจำเป็นจริงหรือไม่ หลังจากมีปัญหานี้เกิดขึ้น จึงรู้สึกเสียใจ เพราะที่ทำไปด้วยความหวังดีนั้น กลับกลายเป็นผลร้ายต่อตนเอง ครูแนะแนวผู้ดูแลบัญชีกองทุนของ

กำลังโหลดความคิดเห็น