xs
xsm
sm
md
lg

ผอ.โรงเรียนแจงไม่หวงเงินทายาทฮีโร่แท็กซี่ - เตรียมสางปัญหาให้เสร็จสิ้นพรุ่งนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผอ.โรงเรียนแจงกรณีทายาทแท็กซี่ฮีโร่ “ชัยวัฒน์ อุ่นแก้ว” ระทม อดใช้เงินล้านก้อนโต จากกองทุนบริจาคช่วยเหลือ สมบัติชิ้นสุดท้ายของผู้เป็นบิดาที่เหลือทิ้งไว้ให้ เมื่อครั้งสร้างวีรกรรมในการทำคุณประโยชน์แก่สังคม ครั้งยิ่งใหญ่เมื่อ 7 ปีก่อน ระบุเตรียมพร้อมเข้าพบพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เผยหาช่องดูข้อตกลง ดูกฎระเบียบการใช้จ่าย พร้อมให้การช่วยเหลือในทุกกรณี

เวลา 18.00 น. วันนี้( 7 ธ.ค.52) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบ น.ส.ศรีกัลยา อุ่นแก้ว อายุ 15 ปี เลขที่ 7/5 ม.9 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา บุตรสาวของ “นายชัยวัฒน์ อุ่นแก้ว” อดีตคนขับแท็กซี่ฮีโร่ ที่เสียชีวิตลงขณะกำลังลงไปช่วยเหลือสังคม ด้วยการโบกให้สัญญาณเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้แก่ผู้ร่วมเส้นทาง พร้อมโทรศัพท์แจ้งเหตุเข้ารายการ “ร่วมด้วยช่วยกัน” ท่ามกลางสายฝนพรำ บนความมืดมิดกลางท้องถนนช่วงดึกสงัด หลังพบกองดินก้อนโต ตกหล่นเรี่ยราดออกมาจากรถบรรทุกอยู่ตามรายทาง บนถนนพระราม 9

ก่อนถูกรถยนต์หรู “โฟล์ค ตู้” พุ่งเข้าชนร่างอย่างจัง จนกระเด็นข้ามฝั่งถนนไปตกยังอีกด้าน และถูกรถยนต์กระบะที่แล่นสวนทางมาพุ่งชนซ้ำจนเสียชีวิตลงในที่สุด เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้ามืดของคืนวันที่ 16 ก.ย.45 เวลา 02.15 น. ด้วยวัย 39 ปี ก่อนที่จะทิ้งบุตรสาว ซึ่งขณะนั้นวัยเพียง 8 ขวบ และเป็นทายาทเพียงคนเดียวไว้ให้แก่สังคมเยียวยา ท่ามกลางกระแสสังคมที่เล็งเห็นถึงคุณค่าในขณะนั้นต่างหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้ ด้วยการบริจาคเงินเข้ามาเป็นกองทุนเพื่อทดแทนคุณความดีที่ผู้เป็นบิดาได้เสียสละชีวิตเพื่อสังคม จนได้เป็นเงินก้อนโตจำนวนหนึ่ง

น.ส.ศรีกัลยา กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ว่า หลังจากเธอได้มีครอบครัว และตั้งครรภ์ ขณะที่กำลังเรียนหนังสือ อยู่ระดับชั้น ม.2 ในสถานศึกษามีชื่อเสียงแห่งหนึ่งใน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา (โรงเรียนพนมอดุล วิทยา) ทางโรงเรียน โดยอาจารย์ฝ่ายแนะแนวของโรงเรียน ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเบิกจ่ายเงินในบัญชีเงินช่วยเหลือของเธอ ไม่ยินยอมที่จะเบิกจ่ายเงินออกมาจากธนาคารให้ เนื่องจากเธอไม่ได้เป็นนักเรียนของโรงเรียนอีกแล้ว หลังจากถูกพักการเรียน จึงทำให้ได้รับความเดือดร้อนไม่มีเงินใช้จ่าย หรือแม้แต่เงินคลอดบุตร ซึ่งเป็น ทายาทของ “ชัยวัฒน์ อุ่นแก้ว” อีกคน ที่เพิ่งคลอดออกมาได้เพียงกว่า 2 สัปดาห์นี้เอง ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้าแล้ว

โดยเธอบอกว่า “ก่อนหน้าที่บิดาจะเสียชีวิต เมื่อครั้งเธอวัยเพียง 2 ขวบ มารดา คือ นางมรกต ได้เสียชีวิตลงไปก่อนหน้าแล้ว จึงไม่มีใครคอยดูแล เลี้ยงดู นอกจากผู้เป็นอา คือ นายสุชิน อุ่นแก้ว และหลังจากคลอดบุตรแล้ว อยากจะกลับมาเรียนหนังสือต่อ แต่อาจจะเรียนนอกระบบ หรือ กศน. พร้อมกับเรียนเสริมสวยไปด้วยพร้อม ๆ กัน

ส่วนลูกที่เกิดมาได้เพียง 15 วัน นั้น ได้ตั้งชื่อ ด.ช.ศุภณัฐ หรือ น้องกัณฐ์ อุ่นแก้ว มารดาของสามีจะเป็นผู้เลี้ยงดูให้

ขณะนี้ทราบว่าเงินกองทุนที่มีผู้ใจบุญบริจาคช่วยเหลือมากับรายการ “ที่นี่ประเทศไทย” ทาง ททบ.5 เมื่อครั้งยังมีรายการนี้ออกอากาศอยู่ รวมจำนวนกว่า 1.4 ล้านบาท ทางอาเป็นคนเบิกมาใช้จ่ายในการเรียน กินใช้เดือนละ 3,000 บาท ทางโรงเรียนบอกว่าถ้าไม่ได้เรียนแล้วจะเอาเงินนี้ไปให้ทุนการศึกษาแก่ผู้อื่นที่ขาดแคลนอีกจำนวนมากแทน

ด้านนายสุชิน อุ่นแก้ว น้องชายของ “นายชัยวัฒน์ อุ่นแก้ว” ผู้เป็นอา กล่าวว่า “ต้องการให้หลานสามารถเบิกเงินมาใช้จ่ายเลี้ยงดูหลานได้สะดวกขึ้น โดยต้องการให้เปลี่ยนจากผู้มีสิทธิลงชื่อในการเบิกจ่ายเงินจากบัญชี เป็นสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ฉะเชิงเทรา ด้วยตนเอง และอีกคนขอให้เป็นผู้ใหญ่บ้านแทน เพื่อที่จะให้หลานสาวได้รับการช่วยเหลือจากเงินกองทุนนี้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค เพราะทางโรงเรียนแจ้งว่าเด็กพ้นสภาพจากการเป็นนักเรียนแล้ว

ด้านนายโสภณ สุขเสวี ผู้อำนวยการโรงเรียนพนมอดุล วิทยา อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขต 2 ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า กรณีนี้ ได้รับทราบจากครูแนะแนว ว่า น.ส.ศรีกัลยา ได้เข้ามาขอเบิกเงินใช้ โดยมากับอาเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ที่ผ่านมานี้รวม 30,000 บาท แต่โรงเรียน ได้ให้เบิกจ่ายไปจำนวน 20,000 บาท

สำหรับบัญชีดังกล่าวเป็นของพัฒนาสังคมฯและให้ทางโรงเรียนโดยครูแนะแนวเป็นผู้ดูแลการเบิกจ่าย ตั้งแต่ปี 51 ก่อนหน้านี้ ขณะเด็กเข้ามาเรียนหนังสือ ต่อชั้น ม.1 ได้เบิกจ่ายให้ทุกเดือนครั้งละ 3,000 บาท โดยที่ไม่ได้หวงห้าม ที่ผ่านมาทางโรงเรียนฯไม่ได้หวงห้าม แต่ภายหลังจากขึ้นชั้น ม.2 เด็กไม่ได้เข้ามาเรียนหนังสือ โดยทราบว่าเด็กได้ตั้งครรภ์ และตามไปอยู่กับสามี

โดยในวันพรุ่งนี้ จะได้เข้าไปติดตามสอบถามจากพัฒนาสังคมฯว่าจะทำอย่างไรต่อไปสำหรับกองทุนดังกล่าว ทั้งนี้ไม่ทราบว่าเงินกองทุนก้อนนี้มีเงื่อนไขใดหรือไม่ในการเบิกจ่าย หากไม่มีเงื่อนไขจะได้หาผู้ดูแลแทนต่อไป เพราะเด็กไม่ได้เรียนหนังสือที่โรงเรียนแล้ว โดยจะพาครูแนะแนวเข้าไปประสานพัฒนาสังคมในวันพรุ่งนี้ 8 ธ.ค. เพื่อหาทางแก้ไขต่อไป ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวหากจะจ่ายให้เด็กไปคราวเดียวเป็นจำนวนมาก ก็เป็นห่วง เกรงว่าจะนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค

ในการเข้าไปติดต่อเพื่อหาทางแก้ไขในวันพรุ่งนี้คาดว่าจะสำเร็จ โดยอาจให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้ดูแลแทนต่อไป ที่ผ่านมาทางโรงเรียนยินดีให้เบิกใช้จ่าย ไม่ได้หวงห้ามอะไร ซึ่งอาจเป็นการเข้าใจผิด หรือสื่อสารไม่ตรงกัน

กำลังโหลดความคิดเห็น