xs
xsm
sm
md
lg

ทายาทแท็กซี่ฮีโร่ระทมหลังสมบัติชิ้นสุดท้ายของผู้เป็นบิดาเริ่มสะดุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - ทายาทแท็กซี่ฮีโร่ “ชัยวัฒน์ อุ่นแก้ว” ระทม หลังเงินกองทุนช่วยเหลือจากสังคม สมบัติชิ้นสุดท้ายของผู้เป็นบิดา ที่ได้เหลือทิ้งไว้ให้เมื่อครั้งสร้างวีรกรรมในการทำคุณประโยชน์แก่สังคม ครั้งยิ่งใหญ่เมื่อ 7 ปีก่อน และจบชีวิตลงคาท้องถนนกลางเมืองกรุง เริ่มมีปัญหาด้านการเบิกจ่าย เงินทุนสะดุดหยุดชะงัก ไม่มีแม้แต่เงินคลอดบุตร เยียวยาทายาทหน้าใหม่

วันนี้ (6 ธ.ค.52) เวลา 15.00 น. น.ส.ศรีกัลยา อุ่นแก้ว อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/5 ม.9 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา บุตรสาวเพียงคนเดียวของ “นายชัยวัฒน์ อุ่นแก้ว” อดีตคนขับแท็กซี่ฮีโร่ ที่เสียชีวิตลงขณะกำลังลงไปช่วยเหลือสังคม ในการลงไปโบกให้สัญญาณอำนวยความสะดวกด้านการจราจร พร้อมโทรศัพท์แจ้งเหตุเข้ารายการ “ร่วมด้วยช่วยกัน” ท่ามกลางสายฝนพรำ แก่ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนบนความมืดมิดกลางดึกสงัด หลังพบกองดินก้อนโต ตกหล่นเรี่ยราดจากรถบรรทุกอยู่ตามรายทาง บนถนนพระราม 9

ก่อนถูกรถยนต์หรู “โฟล์ค ตู้” พุ่งเข้าชนร่างอย่างจัง จนกระเด็นข้ามฝั่งถนนไปตกยังอีกด้าน และถูกรถยนต์กระบะที่แล่นสวนทางมาพุ่งชนซ้ำจนเสียชีวิตลงในที่สุด เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้ามืดของคืนวันที่ 16 ก.ย.45 เวลา 02.15 น. ด้วยวัย 39 ปี ก่อนที่จะทิ้งบุตรสาว ซึ่งขณะนั้นวัยเพียง 8 ขวบ และเป็นทายาทเพียงคนเดียวไว้ให้แก่สังคมเยียวยา ท่ามกลางกระแสสังคมที่เล็งเห็นถึงคุณค่าในขณะนั้นต่างหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้ ด้วยการบริจาคเงินเข้ามาเป็นกองทุนเพื่อทดแทนคุณความดีที่ผู้เป็นบิดาได้เสียสละชีวิตเพื่อสังคม จนได้เป็นเงินก้อนโตจำนวนหนึ่ง แต่ท้ายที่สุดแล้ว ถึงวันนี้เธอกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมันอีกแล้ว

ซึ่ง น.ส.ศรีกัลยา กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ว่า หลังจากเธอได้มีครอบครัว และตั้งครรภ์ ขณะที่กำลังเรียนหนังสือ อยู่ระดับชั้น ม.2 ในสถานศึกษามีชื่อเสียงแห่งหนึ่งใน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา (โรงเรียนพนมอดุล วิทยา) ทางโรงเรียน โดยอาจารย์ฝ่ายแนะแนวของโรงเรียน ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิเบิกจ่ายเงินในบัญชีเงินช่วยเหลือของเธอ ไม่ยินยอมที่จะเบิกจ่ายเงินออกมาจากธนาคารให้ เนื่องจากเธอไม่ได้เป็นนักเรียนของโรงเรียนอีกแล้ว หลังจากถูกพักการเรียน จึงทำให้ได้รับความเดือดร้อนไม่มีเงินใช้จ่าย หรือแม้แต่เงินคลอดบุตร ซึ่งเป็น ทายาทของ “ชัยวัฒน์ อุ่นแก้ว” อีกคน ที่เพิ่งคลอดออกมาได้เพียง 2 สัปดาห์นี้เอง

จนต้องให้มารดาของผู้เป็นสามี คือ นางจำปา นิคอน อายุ 42 ปี ไปกู้ยืมเงินจากเพื่อนบ้านมาสำรองใช้จ่ายไปก่อน และขณะนี้ยังไม่มีเงินที่จะใช้จ่ายเลี้ยงดูบุตรในอนาคตอีกด้วย ทั้งเรื่องค่านมเลี้ยงทารก ค่าผ้าอ้อม เนื่องจากสามี คือ นายบารมี นิดอน อายุ 19 ปี มีรายได้เพียงวันละ 150 บาท จากอาชีพรับจ้างทั่วไป หรือบางวันก็ไม่มีรายได้อะไร

ขณะที่นายสุชิน อุ่นแก้ว อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 126 ม.3 ต.คู้ยายหมี อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา น้องชายของนายชัยวัฒน์ อุ่นแก้ว ผู้เป็นอา กล่าวถึงการเบิกจ่ายเงินออกจากบัญชีช่วยเหลือครอบครัว “ชัยวัฒน์ อุ่นแก้ว” ของพี่ชายว่า การเบิกจ่ายเงินออกจากบัญชีนั้นจะต้องร่วมกันลงชื่อขอเบิกจ่าย จาก 2 ใน 3 ของผู้ที่มีชื่ออยู่ในบัญชี คือ 1 พัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดฉะเชิงเทรา (โดยตำแหน่ง) 2 ครูใหญ่ หรือ ผอ.โรงเรียน ที่ทายาทของพี่ชายไปเข้ารับการศึกษา ซึ่งปัจจุบันได้มอบหมายให้อาจารย์ฝ่ายแนะแนวของทางโรงเรียน และ 3 คือ ตนเองผู้เป็นญาติผู้ใหญ่

ซึ่งตามข้อตกลงในการเบิกจ่ายเงินในบัญชีนั้น จะมีการเบิกจ่ายเป็นรายเดือน เดือนละ 3 พันบาท และการเบิกจ่ายเพื่อเป็นทุนการศึกษาตามภาคเรียน เทอมละ 1.5 หมื่นบาท รวมปีละกว่า 5 หมื่นบาท แต่ในปัจจุบันนี้ไม่สามารถเบิกเงินออกจากบัญชีกองทุนช่วยเหลือ เพื่อนำมาใช้จ่ายได้เลย เนื่องจากตนได้เคยเดินทางไปขอให้อาจารย์ฝ่ายแนะแนว ช่วยลงชื่อเบิกจ่ายเงินหลายครั้ง เพื่อนำเงินมาให้หลานสาวไว้ใช้จ่ายในครอบครัว คลอดบุตร และเลี้ยงดูหลานเกิดใหม่ กลับถูกปฏิเสธ โดยทางโรงเรียนบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ เนื่องจาก น.ส.ศรีกัลยา ได้พ้นสภาพจากการเป็นนักเรียนในสถานศึกษาแล้ว

ขณะที่ทางด้านพัฒนาสังคมของทางจังหวัดนั้น ได้เคยเดินทางไปเข้าพบเช่นเดียวกัน แต่ก็ต้องผิดหวังกลับมา เมื่อได้เข้าไปพบแล้วกลับไม่ได้รับความสนใจที่จะให้การช่วยเหลือ และไม่มีการดำเนินการที่เบิกจ่ายเงินจากในกองทุนนี้ให้ ทั้งที่การเดินทางไปติดต่อในแต่ละครั้ง ต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก การเดินทางค่อนข้างไกล เพราะอยู่ถึงในตัวจังหวัด และจะต้องเสียเวลาในการลาหยุดงาน ซึ่งตนทำงานประจำอยู่ในโรงงานอุตสาหกรรม ความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นจึงต้องมาตกเป็นภาระอยู่กับญาติอีกครั้ง

ที่ผ่านมาตนได้เคยร้องขอให้เปลี่ยนวิธีการเบิกจ่ายเงินจากในบัญชีกองทุน ที่เดิมเคยอยู่กับอาจารย์ฝ่ายแนะแนวของโรงเรียน หรือพัฒนาสังคมฯ มาเป็นนายอำเภอท้องที่แทน เพื่อสะดวกต่อการติดต่อ และอยู่ในพื้นที่ แต่ทางโรงเรียนยังไม่ยินยอม ทั้งที่เคยบอกว่าไม่มีหน้าที่แล้วก็ตาม ขณะนี้จึงอยากร้องขอให้ผู้มีอำนาจ หรือผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ช่วยพิจารณาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้ เพราะเด็กที่เกิดมาใหม่ และเพิ่งลืมตาดูโลกได้เพียงไม่กี่วันนั้น ก็เป็นทายาทของ “ชัยวัฒน์ อุ่นแก้ว” พี่ชายของตนเช่นเดียวกัน

สำหรับจำนวนเงินในบัญชีของทุนช่วยเหลือครอบครัว “ชัยวัฒน์ อุ่นแก้ว” นั้น ปัจจุบันยังคงมียอดคงเหลือกว่า 1 ล้านบาท โดยบัญชีได้ถูกเก็บไว้ที่ อาจารย์ฝ่ายแนะแนวของทางโรงเรียน โดยที่ไม่ได้มีการเบิกจ่ายมานานเกือบหนึ่งปีเต็มแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น