ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน นำตัวแทนรัฐ-เอกชน ร่วมทำ MOU สภาการท่องเที่ยวเชียงใหม่-เชียงราย เดินหน้าดันรูธท่องเที่ยวอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง พร้อมหนุนนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยเพิ่ม ประกาศชวนสายการบินเข้าเชียงรุ้ง แถมออกหน้าการันตีไม่มีขาดทุนแน่ ด้วยเงื่อนไขยกเว้นค่าธรรมเนียมทุกชนิด 100% ในปีแรก-หนุนคนจีนเข้าไทย
วันนี้ (2 ธ.ค.) นายอมรพันธ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยตัวแทนภาครัฐ-เอกชน เช่น นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานคณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ(คสศ.) หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ นายราชันย์ วีระพันธุ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชียงใหม่ นายสรภพ เชื้อดำรงกุล รองประธานหอฯเชียงใหม่ ฯลฯ ได้ร่วมหารือกับคณะผู้บริหารเขตปกครองตนเองชนชาติไตสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน สาธารณรัฐประชาชนจีนจีน ที่มี MR.Jiang Pusheng เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประจำสิบสองปันนา และประธานสมาคมมิตรภาพระหว่างประเทศสิบสองปันนา เป็นผู้นำคณะ
นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนภาครัฐ-เอกชนจากสิบสองปันนา ทั้ง MR.Chen Qizong รองผู้ว่าฯสิบสองปันนา Mr.Lu Jingquan ผอ.สนง.การท่องเที่ยวสิบสองปันนา Mr.Den Xiping รองประธาน Yunnan Airport Group CO,LTD ฯลฯ ตลอดจน ดร.จู เหว่ย หมิง กงสุลจีน ประจำเชียงใหม่ เข้าร่วม ที่ห้องประชุม 3 ชั้น 3 ตึกอำนวยการศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่
MR.Jiang Pusheng เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำสิบสองปันนา และประธานสมาคมมิตรภาพระหว่างประเทศสิบสองปันนา กล่าวว่า เขามาเชียงใหม่เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ซึ่งขณะนี้โครงสร้างพื้นฐานได้รับการพัฒนามา การเดินทางระหว่างจีน-ไทย เริ่มสะดวกมากขึ้น ทั้งเส้นทาง R3a (จีน-ลาว-ไทย) ก็เปิดใช้มาเกือบ 2 ปี แม่น้ำโขง ที่ 4 ประเทศร่วมกันพัฒนาจนสามารถเดินเรือได้ เหลือเพียงทางอากาศ ที่ก่อนหน้านี้เคยมีสายการบินให้บริการระหว่างเชียงใหม่-สิบสองปันนา แต่ได้เลิกบินไปแล้วอย่างน่าเสียดาย คราวนี้เขาจึงต้องการให้จังหวัดเชียงใหม่ ช่วยผลักดันให้มีการเปิดเส้นทางบินระหว่างเชียงใหม่-สิบสองปันนาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
MR.Jiang Pusheng ระบุว่า ผมรับรองว่า เส้นทางบินนี้จะไม่มีการขาดทุนแน่นอน เบื้องต้นทางการสิบสองปันนาจะยกเว้นค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ทั้งค่าจอด ค่าตรวจ ฯลฯ ในปีแรก ส่วนปีที่ 2 จะเก็บในอัตรา 50% ปีที่ 3 เก็บ 80% ปีที่ 4 ขึ้นไปจึงจะเก็บ 100% ซึ่งเงื่อนไขนี้ยังสามารถเจรจากันได้อีก นอกจากนี้เราจะพยายามส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเที่ยวสิบสองปันนาปีละกว่า 7 ล้านคน ให้เดินทางมาเชียงใหม่ เชียงรายด้วย
ตลอดจนสนับสนุนให้ชาวไตในสิบสองปันนา ให้เดินทางมาเยี่ยมญาติพี่น้องในภาคเหนือของไทยให้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้ประชาชนในสิบสองปันนา มีรายได้สูงขึ้นจนมีศักยภาพพอที่จะเดินทางท่องเที่ยวได้แล้ว และจะส่งเสริมให้ข้าราชการเดินทางมาดูงานในภาคเหนือของไทยมากขึ้นด้วย
“เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม เราได้เจรจากับทางบางกอกแอร์เวย์ในเรื่องนี้เช่นกัน ซึ่งบางกอกแอร์เวย์ ก็รับที่จะส่งเจ้าหน้าที่ไปศึกษาความเป็นไปได้ที่จะเปิดเส้นทางบินดังกล่าวในเร็ววันนี้”
เลขาฯพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประจำสิบสองปันนา ยังกล่าวอีกว่า อีกประเด็นหนึ่งที่ขอให้จังหวัดเชียงใหม่ร่วมผลักดัน-แก้ไขก็คือ การอำนวยความสะดวกในการเดินทางข้ามแดนระหว่างไทย-จีน ที่ยังมีปัญหาในด้านการปฏิบัติอยู่บ้าง
ขณะที่ นายอมรพันธ์ นิมานันท์ ผู้ว่าฯเชียงใหม่ ที่หยิบยกสายสัมพันธ์ทางสายเลือดจีนแต้จิ๋ว ตั้งแต่รุ่น “ก๋ง” และสายเลือดไตสิบสองปันนาของ “อาม่า” ขึ้นมาสร้างบรรยากาศการหารือให้เป็นกันเอง บอกว่า ทางจังหวัดพร้อมที่จะสนับสนุนแนวทางการพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงอย่างเต็มที่ ซึ่งเมื่อคราวนางเตา หลิน อิง ผู้ว่าฯสิบสองปันนา เดินทางมาเยนเชียงใหม่เดือนสิงหาคม 2552 ก็ได้เสนอแนวทางให้จัดประชุมหน่วยงานด้านศุลกากร-ตรวจคนเข้าเมือง ระหว่างสิบสองปันนา (จีน)-บ่อแก้ว-หลวงน้ำทา (ส.ป.ป.ลาว)-ไทย ขึ้นเพื่อแก้ปัญหา และในปลายเดือนมกราคม 2553 จังหวัดเชียงใหม่พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานรัฐ-เอกชน ก็มีกำหนดเดินทางไปสิบสองปันนา-คุนหมิง ผ่านเส้นทาง R3a ก็จะถือโอกาสนี้หารือในรายละเอียดกับจีนต่อไป
ส่วนประเด็นการเปิดเส้นทางบินเชียงใหม่-สิบสองปันนา นายอมรพันธ์ ระบุว่า แม้ว่าจะไม่ใช่อำนาจของจังหวัด แต่ก็อยากให้กรมขนส่งทางอากาศ พิจารณาถึงแนวโน้มการขยายตัวที่จะเกิดขึ้นในอนุภูมิภาคนี้ในอนาคตด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ หลังการหารือร่วมกันของผู้แทนทั้ง 2 ฝ่ายสำนักงานการท่องเที่ยวเมืองสิบสองปันนา โดย Mr.Lu Jingquan ผอ.สนง.การท่องเที่ยวสิบสองปันนา กับ นายราชันย์ วีระพันธุ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชียงใหม่ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยมีเนื้อหาหลัก 8 ประเด็นคือ
1.สนง.การท่องเที่ยวสิบสองปันนา-สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชียงใหม่ จะร่วมกันพัฒนาการท่องเที่ยวในลุ่มน้ำโขง (GMS) ร่วมกัน 2.ทั้ง 2 ฝ่ายจะร่วมกันวางแผนการท่องเที่ยว และประชาสัมพันธ์ จัดกิจกรรม เผยแพร่ข้อมูลการท่องเที่ยว ตลอดจนสนับสนุนให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศเดินทางไปมาระหว่างกันให้สมดุล
3.ร่วมสนับสนุนศูนย์ส่งเสริมการท่องเที่ยวและบริการทั้ง 2 เมือง ด้วยการเปิดสำนักงานของจีนขึ้นที่เชียงใหม่ และของไทยที่สิบสองปันนา
4.ร่วมมือกันสร้างชื่อเสียงการท่องเที่ยวร่วมกัน สร้างระบบแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยว และจัดตั้งหน่วยงานควบคุมดูแลการท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยว วางแผนพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว ฯลฯร่วมกัน
5.ช่วยกันผลักดันให้การคมนาคมทางบก น้ำ อากาศ ให้นักท่องเที่ยวทั้งสองฝ่ายได้รับความสะดวก รวดเร็ว ปลอดกัน
6.ร่วมกันแก้ไขปัญหาที่นักท่องเที่ยวประสบ เพื่อสร้างยุคทองของการท่องเที่ยวในGMS
7.ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการว่างแผนยุทธศาสตร์พัฒนาการท่องเที่ยว ฯลฯ
8.ร่วมกันจัดสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันทุก 6 เดือน โดยหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ
ทั้งนี้ หลังจากสำนักงานการท่องเที่ยวสิบสองปันนา ร่วมลงนามในMOUกับสภาอุตฯการท่องเที่ยวเชียงใหม่แล้ว วันพรุ่งนี้(3 ธ.ค.) ก็มีกำหนดที่จะลงนามในบันทึกข้อตกลงในลักษณะเดียวกันนี้ กับสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย ด้วย