กาฬสินธุ์ - เกษตรกรจังหวัดกาฬสินธุ์ นำข้าวเปลือกนาปีไปขายจำนวนมาก ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ด้านผู้จัดการตลาดกลางข้าวและพืชไร่ จ.กาฬสินธุ์ ระบุประชาชนพอใจโครงการประกันราคาพืชผลของรัฐบาลเป็นอย่างมาก
ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ บรรยากาศการรับซื้อข้าวเปลือกนาปีในฤดูการผลิตปี 2552/53 เป็นไปอย่างคึกคัก มีเกษตรกรนำข้าวมาจำหน่ายเป็นจำนวนมาก ทั้งตามโรงสีของภาคเอกชนและจุดรับซื้อข้าวที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของเกษตรกร
นายธนพล ธรรมมโนขจิต ผู้จัดการตลาดกลางข้าวและพืชไร่ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ปีนี้เกษตรกรได้นำข้าวมาขายเพิ่มมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นข้าวจ้าวมากกว่าข้าวเหนียวเนื่องจากปีนี้ราคาข้าวจ้าวสูงถึงตันละ 14,300 บาท ส่วนข้าวเหนียวขณะนี้มีการรับซื้อถึงตันละ 10,000 บาท
เกษตรกรส่วนใหญ่ที่นำข้าวมาขายเป็นเกษตรกรที่ได้ไปขึ้นทะเบียน และทำสัญญากับทาง ธ.ก.ส.ที่มีอัตราเพิ่มขึ้นจำนวนมากจากช่วงต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ขณะนี้มีข้าวของเกษตรกรที่นำมาจำหน่ายมากเกือบวันละ 200 ตัน หรือประมาณ 40 รายต่อวัน ที่จากเดิมมีเกษตรกรนำข้าวมาจำหน่าย ประมาณ 5-10 คนต่อวัน
อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำหลังจากการเก็บเกี่ยวข้าวนาปีแล้วเสร็จ และเตรียมทำนาปรังเกษตรกรควรที่จะเลือกปลูกข้าวเหนียวมากกว่าข้าวจ้าวเนื่องจากกลไกของตลาดมีแนวโน้มว่าในฤดูกาลผลิตหน้าข้าวเหนียวจะขาดตลาด เพราะในปีนี้เกษตรกรเพาะปลูกข้าวเจ้าเกือบทั้งหมด
นอกจากนี้ จากการสอบถามเกษตรกร ที่เข้าร่วมกับโครงการประกันราคาพืชผลของรัฐบาลส่วนใหญ่พอใจกับโครงการ เนื่องจากมีความสบายใจในการขายข้าวที่ไม่ต้องกลัวการถูกเอารัดเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลางอย่างโรงสีในพื้นที่
สำหรับจังหวัดกาฬสินธุ์มีเกษตรกรที่ผ่านประชาคมกลุ่มข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 75 ราย ในพื้นที่ 444 ไร่ คาดผลผลิตประมาณ 228.569 ตัน ส่วนมันสำปะหลัง มีเกษตรกรผ่านประชาคม 1,749 ราย พื้นที่ 123,527 ไร่ คาดการณ์ผลผลิตประมาณ 466,257.535 ตัน
สำหรับข้าวนาปี มีเกษตรกรจำนวน 83,288 รายที่มาขึ้นทะเบียน ผ่านประชาคมแล้ว 551,210 ไร่ ปริมาณผลผลิตที่เข้าร่วมโครงการ 196,243.696 ตัน ที่ทาง ธ.ก.ส.ได้มีการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการไปแล้ว 580 ราย เป็นวงเงินกว่า 3,360,231 บาท
ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ บรรยากาศการรับซื้อข้าวเปลือกนาปีในฤดูการผลิตปี 2552/53 เป็นไปอย่างคึกคัก มีเกษตรกรนำข้าวมาจำหน่ายเป็นจำนวนมาก ทั้งตามโรงสีของภาคเอกชนและจุดรับซื้อข้าวที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของเกษตรกร
นายธนพล ธรรมมโนขจิต ผู้จัดการตลาดกลางข้าวและพืชไร่ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ปีนี้เกษตรกรได้นำข้าวมาขายเพิ่มมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นข้าวจ้าวมากกว่าข้าวเหนียวเนื่องจากปีนี้ราคาข้าวจ้าวสูงถึงตันละ 14,300 บาท ส่วนข้าวเหนียวขณะนี้มีการรับซื้อถึงตันละ 10,000 บาท
เกษตรกรส่วนใหญ่ที่นำข้าวมาขายเป็นเกษตรกรที่ได้ไปขึ้นทะเบียน และทำสัญญากับทาง ธ.ก.ส.ที่มีอัตราเพิ่มขึ้นจำนวนมากจากช่วงต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ขณะนี้มีข้าวของเกษตรกรที่นำมาจำหน่ายมากเกือบวันละ 200 ตัน หรือประมาณ 40 รายต่อวัน ที่จากเดิมมีเกษตรกรนำข้าวมาจำหน่าย ประมาณ 5-10 คนต่อวัน
อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำหลังจากการเก็บเกี่ยวข้าวนาปีแล้วเสร็จ และเตรียมทำนาปรังเกษตรกรควรที่จะเลือกปลูกข้าวเหนียวมากกว่าข้าวจ้าวเนื่องจากกลไกของตลาดมีแนวโน้มว่าในฤดูกาลผลิตหน้าข้าวเหนียวจะขาดตลาด เพราะในปีนี้เกษตรกรเพาะปลูกข้าวเจ้าเกือบทั้งหมด
นอกจากนี้ จากการสอบถามเกษตรกร ที่เข้าร่วมกับโครงการประกันราคาพืชผลของรัฐบาลส่วนใหญ่พอใจกับโครงการ เนื่องจากมีความสบายใจในการขายข้าวที่ไม่ต้องกลัวการถูกเอารัดเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลางอย่างโรงสีในพื้นที่
สำหรับจังหวัดกาฬสินธุ์มีเกษตรกรที่ผ่านประชาคมกลุ่มข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 75 ราย ในพื้นที่ 444 ไร่ คาดผลผลิตประมาณ 228.569 ตัน ส่วนมันสำปะหลัง มีเกษตรกรผ่านประชาคม 1,749 ราย พื้นที่ 123,527 ไร่ คาดการณ์ผลผลิตประมาณ 466,257.535 ตัน
สำหรับข้าวนาปี มีเกษตรกรจำนวน 83,288 รายที่มาขึ้นทะเบียน ผ่านประชาคมแล้ว 551,210 ไร่ ปริมาณผลผลิตที่เข้าร่วมโครงการ 196,243.696 ตัน ที่ทาง ธ.ก.ส.ได้มีการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการไปแล้ว 580 ราย เป็นวงเงินกว่า 3,360,231 บาท